ต้องออกตัวแบบเขินๆเลยว่า อเมริกา เป็นประเทศในฝันของเรามาตลอด ตั้งแต่สมัยโง่ๆ ที่คิดว่า จอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นพระราชาของอเมริกา หรือบาร์บี้เป็นคนจริงๆ ทั้งๆ มันไม่ได้แปลก หรือใหม่อะไรเลย อาจจะรู้จักตั้งแต่เด็กๆ ผ่านคำที่แม่บอกว่าไก่ทอดเจ้าดังมากจากไหน ซึ่งใครๆ ก็เคยไป ยิ่งไปเป็นแรงงานฝีมือดีตอนไป Work and Travel แล้วมีสเตตัสแซ่บๆ ด่านายจ้างและเอเจนซี่ ยิ่งทำให้เราอยากรู้จักประเทศนี้มากขึ้นเรื่อยๆ 55555555555 ใครๆ ก็เคยทั้งนั้น ยกเว้นพวกเรานี่แหละ! แต่การได้เห็นรูปถ่ายผ่านตาเป็นล้านรูป ก็ไม่ได้ทำให้ความอยากไปสัมผัสมันลดลงเลยซักครั้ง มันกลับเพิ่มขึ้น
America has always been my dream country ever since I was young, so young that I used to think George W. Bush was the king of America or that Barbie is a real person haha. I’ve heard of this country because my mom told me of the origin of the famous fried chicken. It seems like so many people have been to the US. I hear of it even more often when I was working for Work and Travel which makes me want to get to know this country even more. Although my friends and I saw millions of photos of the US, we still want to see and witness the beauty of the US with our own eyes.
อีกอย่าง อเมริกาเป็นประเทศที่กว้างจนตอนแพลนทริปจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยซักนิดว่า “กูจะเริ่มจากไหนดีวะ ให้ประหยัดและดูคุ้มค่าที่สุดสำหรับการข้ามโลกครั้งนี้” เพราะมันเป็นหนึ่งในการเดินทางที่เราตื่นเต้นมาก นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง อินโดนะเว้ย นี่มันข้ามไปอีกซีกโลกนึง คือคิดภาพไว้เวอร์วังและจินตนาการไว้ค่อนข้างสูง ตั้งแต่กดซื้อตั๋ว วางแพลน จองรถ ไปทำใบขับขี่สากล ในทุกขั้นจะมีการมโนภาพตัวเองสะบัดผมปลิว พร้อมฮัมเพลง Party in the U.S.A เป็น Miley Cyrus ไปด้วย สวยๆ เริ่ดๆ นั่งรถเปิดประทุนงี้ เหมือนชีวิตนางเอกหนังวัยรุ่นอเมริกาที่หนีแม่ไปเที่ยวกับผู้ชายแซ่บๆ ซึ่งในชีวิตนี้กูยังไม่เคยทำเลย หรือหนังไทยโบราณ บอกเลิกผัว ผัวทิ้งละไปพักใจอะไรอย่างนั้น แต่นี่ไม่มีหรอกมีแต่พยายามเองทั้งนั้นแหละจ้า
The issue is that the US is very big, so big that we don’t know where to start and how to get the most out of this visit when planning the trip. It is one of the most exciting journey we are about to embark on. This is not like Southeast Asian countries near our homeland. This is really another side of the world which we have to cross the ocean to get to. We have laid out an especially wonderful picture of us in the US, or even before stepping onto the airplane. We imagined ourselves flipping our hair on a nice convertible car, with the song of Miley Cyrus “Party in the U.S.A.” as we go through every step from booking the tickets, planning the trip, booking a car, or even requesting for international driving license.
ตัดภาพมาความจริง คือ เราจะขับรถเที่ยวทางฝั่งตะวันตกกัน16 วัน และบินไปเป็น New Yorker (เดี๋ยวไว้มาเล่าให้ฟังมาเมืองใหญ่มันเหงามั้ย)ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์รวมแล้ว ก็ 3 สัปดาห์ กับอากาศที่พยากรณ์บอกว่า จะเจอตั้งแต่ 0 ถึง 40 องศา กับแพลนที่คาดว่า จะต้องเดินป่า ปีนเขา กันอย่างน้อยๆ วันละ 3-4 ชั่วโมง นอนเตนท์อีกประมาณ 6 คืน และข้อจำกัดที่ว่า ห้ามใช้กระเป๋าลาก (Luggage) เด็ดขาด!
Fast forward to what really happened in this trip, we planned to do a road trip on the West Coast for 16 days and fly to New York to spend another week there afterwards (3 weeks in total). Checking weather forecast, what we were gonna have ranges from the hottest hot with the sun brightly shining at 40 degree Celsius to the coldest cold of 0 degree Celsius. Our activities included forest trekking, mountain hiking (at least 3-4 hours a day), 6 nights of camping with one constraint of not being able to use wheeled luggage at all!!!
เพราะเราเดินทางด้วยรถ SUV ขนาดเล็ก ซึ่งมีพื้นที่ใส่ของจำกัด มันเลยท้าทายกันตั้งแต่ยังไม่เคลื่อนตัวออกจากบ้าน ว่าจะยัดทุกอย่างไปหมดได้ยังไง(วะ!?) แล้วแต่ละคนก็ดูเป็นคนเยอะๆ รักสะอาด สัมภาระเยอะ พร็อบต้องมากันทั้งนั้น
Because we would be travelling in a mini SUV which had limited storage space, so it was challenging even when packing our stuff since all of us seem to love to bring lots of stuff on the trip.
หลังจากตัดใจโยนทุกอย่างออก แล้วไปหาเอาดาบหน้าแล้ว ก็ได้ว่าเวลาเดินทางซะที รอบนี้เราเดินทาง Going Places Together ไปกับ Qatar Airways โดยเลือกรูทใหม่ล่าสุดตอนนั้นคือบินไปลงฝั่ง West ก่อนคือ Los Angeles เวลาเดินทางรวมๆ ทั้งหมดเกือบ 24 ชม. คือปัจจัยหลักในการเดินทางที่ต้องนั่งบนเครื่องนานๆ คือสายการบินนะ เลือกสายการบินที่จะทำให้เราสะดวกสบายที่สุด
Finally it was time to start our journey. This time we chose “Going Places Together”and travel with Qatar Airways. We chose the newest route then which was to drop off at West Coast first (Los Angeles). The flight was almost 24 hours. The main factor that you have to consider when taking a long flight is the airline. You have to choose the airline that will give us the most comfort when travelling.
ฮั่นแหนะ! คิดว่าเบื่อแน่ๆใช่ปะ เดินทางกันเป็นวันๆ อยู่แต่บนเครื่องนานขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงๆ นอกจากการนอนตุนเอาแรงเป็นหลักเพราะหลับสบายมากแล้ว ห้องโดยสารที่ค่อนข้างกว้าง และปรับความดันอากาศที่เหมาะสม ทำให้เรารู้สึก Jet Lag น้อยลงไป หรือถ้าไม่ง่วงก็มีทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง มีหนังมีเพลงรวมแล้วเป็นพันๆ คือบินไปกลับอเมริกาอีกซัก 20 รอบก็ยังดูไม่หมด 555555
You might think it would be so boring having to travel for almost one full day on the plane. Actually, aside from recharging our battery through good sleeps, spacious cabin and apropriately adjusted air pressure in the aircraft helped make us feel less jet lagged. If you’re not sleepy, you can watch movie, play games, listen to music and enjoy other entertainment through private TV.
แอร์ฯ ก็เดินไปเดินมาตลอด ไม่รู้พวกนางเอาแรงมาจากไหน เดี๋ยวก็แจกเดี๋ยวก็แจกจนเราเริ่มจะเหนื่อยที่จะกิน เพราะแจกเยอะมากจริงๆ อ้อ ออกเดินทางจากกรุงเทพเป็นเครื่องบินแบบ A380 ลำใหญ่ที่นั่งกว้าง นั่งสบายๆ แนะนำ Upper Main Deck สบายมากก
The cabin crew are always ready to serve and I saw them keep walking around (I don’t know where they get the energy from LOL). They gave out so much food, so much that I can’t eat anymore because they kept feeding us haha. We traveled on A380. The plane is super big, the seats are comfortable and spacious. My suggestion is to sit at the Upper Main Deck, super comfortable.
Qatar Airways มีเที่ยวบินออกจากกรุงเทพวันละ 4 เที่ยวบิน ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น มีหมดทุกเวลาเลยจริงๆ แวะเปลี่ยนเครื่องที่ Hamad International Airport สนามบินใหม่สะดวกสบาย และสามารถต่อเครื่องไปได้มากกว่า 156 เส้นทาง ครอบคลุม 4 ทวีปทั่วโลก ถ้าเดินทางไกลๆ Qatar Airways มาเป็นอันดับต้นๆ ในใจเราเสมอนั่นแหละ (ที่สนามบิน Hamad มี Mac ให้เล่นฟรีทุกเครื่อง มีห้องให้นอนหลับพักผ่อน รวมถึงห้องดูทีวีและ โซนสำหรับเด็ก คือเลิศมากจริงๆ)
Qatar Airways has 4 flights departing from Bangkok in the morning, afternoon and evening. We transit our flight at Hamd International Airport, a new airport which allows you to transit to more than 156 routes which covers 4 continents of the world. When taking a long flight, Qatar Airways has always been number 1 for me. (There are Mac computers for you to use for free, rooms to rest and relax, TV room and kid zone at Hamad International Airport, which is awesome).
และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับทริปนี้คือ Pocket Wi-Fi ไปห่างบ้านห่างเมืองไกลถึงอีกซีกโลกขนาดนี้ แน่นอนว่าถ้ามีลูกมีผัวคงเป็นเที่ยวแบบพะว้าพะวง แต่นี่ไม่มีไง! จะเป็นห่วงก็แต่หมาที่บ้าน กับกลัวพ่อแม่และครอบครัวกังวลว่าลูกที่หน้าตาใสใสอย่างเราจะปลอดภัยดีมั้ยที่อเมริกา เราแนะนำเลยว่าให้ซื้อความสบายใจด้วยการซื้อ Pocket Wi-Fi เอาไว้ติดตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถ Connect กับคนที่บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราเลือกใช้ของ Global Wi-fi เพราะเชื่อมต่อง่าย Connect ได้เร็ว แถมยังใช้ได้แบบ Unlimited ซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้หลายเครื่องมากๆ (เราเคยเชื่อมสูงสุด 8 เครื่อง) เน็ตแรง เร็ว ไม่มีหลุด เอาเป็นว่า VDO Call กับคนที่บ้านได้ทุกวันเลยแหละ!
เริ่มต้นแค่วันละ 380 บาท ก็มีWi-Fi เร็วๆ เอาไว้อัพรูปเก๋ๆ อวดเพื่อนฝูง หรือติดต่อคนที่บ้านได้สบายหายห่วง เช่าไว้ซะนะกับ Global Wi-fi
อันนี้เราแนะนำจริงๆ :) http://globalwifi-thai.com/
“We will landing shorty to Los Angeles International Airport..” เราสลึมสลือตื่นจากการปลุก พร้อมวิวเมืองขนาดจิ๋วที่จัดเรียงตัวอย่างไม่คุ้นตาเมื่อมองผ่านหน้าต่างลงไป เตือนสติให้รู้ว่า การผจญภัยที่รอคอย กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว บางทีเราก็งงตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตื่นเต้นทุกครั้งเลยเวลาเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้จะไกล ถ้าเป็นที่ใหม่ๆ มองจากหน้าต่างเครื่องบินลงไป ก็จะนึกในใจตลอดเลยแหละว่าขอบคุณนะ ขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่มา มันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ขนาดที่เตรียมทุกอย่างมาดีแล้ว บอกกันเองว่า เอาเว้ยมึง ได้เวลา Road Trip กันแล้ว!
“We will be landing shortly at Los Angeles International Airport” – I woke up with the view of the mini-sized city through the plane window. It is an unfamiliar sight which sent a message to me that the new adventure is about to begin.
Sometimes I wonder why I get excited every time I travel, no matter near or far and even we have planned out everything very well. And I feel thankful every time that I have a chance to go to new places, including here.
- Lesson 101, How to rent a car in the state
L.A. คือจุดตั้งต้นของเรา เราตัดสินใจเช่ารถจากสนามบิน ตอนแรกก็กังวลเรื่องภาษี (เช่ารถที่สนามบินแพงกว่าเช่าในเมือง) กับเรื่องการหาที่จอดรถ แต่พอชั่งน้ำหนักกับการต้องไปต่อสู้กับ Public Transport ของที่นี่พร้อมกับกระเป๋าBackpackใบโตที่ดูจะพยายามเกินไป ก็ลงมติกันว่าเช่าเลยเถอะ แพงกว่านิดหน่อยมันคงโอเคกว่านั่นแหละ
เราลือกใช้บริการของ FOX เพราะมันถูกสุดตอนนั้น 555 ซึ่งกระบวนการไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่เข้าไปหาส่วนลด แล้วจองผ่านเว็บ พอตอนจะรับรถก็บอกรหัสการจองไป
ซึ่งเขาจะเชิญชวน เชิงบังคับให้ซื้อประกันรถยนต์ ให้เอาแบบน้อยที่สุดก็พอ คือ ประกันรถ+ประกันคู่กรณี เพราะตัวเราเอง ซื้อประกันการเดินทางที่ครอบคลุมทุกอย่าง ไปจากไทยแล้ว อย่าจ่ายซ้ำซ้อน
Tip : เราแนะนำเลยนะ เดินทางไกลๆ ไปหลายวัน ควรมีประกันการเดินทางติดตัวไปด้วย อย่าไปคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก การป้องกันตัวเองไว้เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ซื้อไว้เถอะ เสียเพื่อความสบายใจของตัวเองและคนที่อยู่ข้างหลังด้วย
อีกเรื่องสนุกของการเช่ารถที่อเมริกา คือ คุณสามารถเลือกรถได้เอง! รถแต่ละประเภท จะถูกจัดเป็นโซน คือโดดขึ้น โดดลงคันไหนก็ได้ จนเจอที่ถูกใจ แล้วขับออกไปได้เลย แต่ระวังหน่อยนะ เพราะที่นี่เขาเป็นพวงมาลัยซ้าย!!
ช่วง 15 นาทีแรกจะรู้สึกระทึกมาก คือก่อนขับออกถนนจริง มีการจอดเพื่อทบทวนกันว่า…โอเค ขับพวงมาลัยซ้าย แปลว่า เลี้ยวขวาผ่านตลอด ละเลี้ยวซ้ายอ้อมเลนนะ ก็โอเคๆ ไม่น่ายากมั้ง…. โอ้โหววว หัวใจจะวาย 55555 ทั้งคนขับ คนบอกทาง และคนนั่งในรถ
ขนาดขับไม่เกิน 40 KM/Hr แต่เราไม่คุ้นกับสัญลักษณ์ ไม่คุ้นเส้นแบ่งทาง แถวคนที่นี่ไม่ค่อยเปิดไฟเลี้ยวกันเท่าไหร่ อาจเพราะเขาล็อคไว้แล้วว่า เลนขวา ต้องเลี้ยวขวา จะเลี้ยวซ้าย ต้องแยกออกมาซ้ายสุด คือถ้ามาเลนกลาง แต่จะเปลี่ยนใจ โดนบีบแตร ด่า F*ck you แน่นอน เอาหละ ได้รถคาด Belt ต่อจากวินาทีนี้ Road Trip ของเรากำลังจะเริ่มขึ้น!! อีก 16 วันนี้จะเป็นยังไงต่อไป เราไปที่ไหน เจออะไรบ้างเลื่อนลงไปดูเลย!!
เนื่องจากเราไปนานถึง 16 วัน เดินทางผ่านมากกว่า 5 เมืองและเกือบ 10 อุทยาน จะให้เล่าทั้งหมดในรีวิวเดียวคงเป็นไปไม่ได้
เพราะส่วนใหญ่เปิดดูจากมือถือ และWifi หรือ 3G บ้านเราก็รวดเร็วเหลือเกิน กลัวจะถอดใจกันซะก่อนจะอ่านจบ เราเลยทำการแยก แต่ละเมือง แต่ละอุทยานไว้ต่างหาก ถ้าสนใจเมือง,อุทยานไหนที่เราเดินทางไปและอยากอ่านต่อแบบเร็วๆ ก็คลิกที่รูปภาพหน้าปกหรือลิงก์ใต้หน้าปกของแต่ละอัลบั้มได้ทันที และถ้าเน็ตเร็วๆ ก็คลิกอ่านกันให้หมดด้วยนะ ตั้งใจทำให้ทุกคนได้อ่านอย่างสะดวกและรวดเร็วจริงๆ :)
- Bay Area, Here I come!
ชื่อเรียกอย่างไม่ทางการ แต่ทุกคนรู้จักของ San Francisco ก็คือ Bay Area ซึ่งหมายรวมถึงพื้นที่ 3 ส่วนรอบแม่น้ำ คนส่วนมาก (รวมถึงเราก่อนมา) มองภาพ SF ไว้ 2 แบบ คือหนึ่งเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี รวบรวมเนิร์ดที่น่าจะรวยและซื่อๆเหมาะกับคนใสๆแบบเรา และเศรษฐีมากมายไว้ใน Silicon Valley และสอง คือเมืองแห่งเสรี ไร้กล้องวงจรปิด เต็มไปด้วยคนไร้บ้าน
การจอดรถล้อเบี้ยวที่เห็นคันแรกๆ แล้วแอบด่าเค้าว่ามึงจอดรถยังไงกันแต่มารู้ทีหลังว่าเป็นกฏ และภัยอันตราย ระดับที่ ทุกคนที่เรารู้จักโดนทุบกระจกรถตอนกลางวัน กลางลานจอดรถที่เสียเงินมาแล้ว!
รอบนี้เราใช้ชีวิตหลักๆกันอยู่ใน เขต City ซึ่งเป็นโซนที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆกระจุกตัวกันอยู่นั่นแหละ และพบว่า เมืองที่มีสองด้านสุดขั้วอยู่ด้วยกันเนี่ย มันมีเสน่ห์สุดๆเลย
- I left my heart at Yosemite National Park
หลังจากเป็นชาวเมืองกันมาซักพัก ได้เวลางัดเตนท์ ถุงนอน และอาหารแห้งที่แบกข้ามน้ำข้ามทะเลจากเมืองไทยมาใช้ซักที เพราะวันนี้ เราจะไป camping กันนนนนนน!
- Now i know why it’s called “Death Vally”
ขับรถออกจาก Yosemite กันด้วยหัวใจสีเขียวเบ่งบานไปกับธรรมชาติเขียวขจี และอากาศดีๆ ของที่นั่น เพื่อไปเจอเพื่อนอีกกลุ่มที่ Death Valley ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก ก็คุยๆ กันว่าทำไมต้อง “ดินแดนแห่งความตาย” วะ
พอเข้าสัปดาห์ที่สองของการขับรถเที่ยวอเมริกา! มาถึงตอนนี้ เรื่องการขับรถ และดูแผนที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป เรียกได้ว่า โปรมากๆ เหมือนอยู่มาตั้งแต่เกิด 55555
แต่ความตื่นเต้นใหม่รอบนี้คือ เราจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนอีก 7 คน! ใช่ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นทริปของคนบ้าๆ 12 คน….เห้ยย!! ใช่หรออออ ทุกวันนี้นัดกันไปกินข้าวเย็นที่สยาม ยังมากันไม่เยอะขนาดนี้เลยปะ 555 จากที่เคยบ่นๆทัวร์จีนไว้ นี่สำนึกเลยนะจ้ะ มันคือทัวร์จีนเล็กๆ นั่นเอง ทำเป็นเล่นไป นัดกันห่างบ้านห่างเมืองได้ตั้ง 12 คน เพื่อเที่ยวด้วยกันอาทิตย์นึง เริ่มที่ Las Vegas!
- Las Vegas, please be kind
ความน่าเสียดายอย่างนึงที่เราพลาดไป ก็คือกว่าจะกลับจาก Death Valley กันมาถึงที่นี่ ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนหมดแรงกับการเดินทาง เลยไม่ได้มีโอกาสเที่ยวดูอะไรมาก เพราะหนทางอีกประมาณ 2 ชม. ลากสังขารไปให้ถึง Las Vegas ให้ได้ ในที่สุดเสียงของแม่Katy ก็ดังขึ้น Wake up!!! We are in Las Vegas แล้วจ้าาาาาา
- Have a Bryce day!
วันถัดมา พวกเราเริ่มสตาร์ทรถออกกันตั้งแต่เช้า เพื่อตั้งหน้าตั้งตาไปนอนเต็นท์กันที่ Bryce National Park ตอนก่อนออกรถ ก็เช็คสภาพอากาศกันแล้วแหละ ว่าฝนน่าจะตกหนัก ถึงขั้นเจอพายุ! แต่ก็ปลอบใจกันว่า ขับไปก่อนๆ พยากรณ์มันไม่ตรงหรอกเว้ย!
- Zion National Park
- Antelope
สถานที่ต่อไป คือ Climax ของทริป คือปักหมุดกันว่า ขับเส้นไหนก็ได้ แต่ต้องได้มาที่นี่! นั่นก็คือ “Antelope” ช่องหินทรายแคบ กว้างแค่พอสองคนเดินสวนกัน แต่สูงเท่าตึกประมาณ 3 ชั้น บิดคดเคี้ยวจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เวลาฝนตกหนักมากๆ จนน้ำท่วม บู้มมม! ซัดเข้ามาแรงๆ และกัดเซาะจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สวยสุดๆ เวลาที่แดดส่องลงมาสะท้อนมา
- Lake Powell
พอทัวร์กันเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ จะขับรถไปเลย ก็กลัวว่าไปเร็ว แล้วจะไปนั่งกร่อยๆกัน อยู่ดีๆ เพื่อนก็เหลือบไปเห็นป้าย “ให้เช่าเรือล่องทะเลสาป” หูย ทำเป็นเล่นไป นี่มันชีวิตเซเลปเมืองไทยชัดๆ
- Horseshoe bend & Grand Canyon
เอาหล่ะ! มาต่อกันที่อุทยานยอดนิยมตลอดกาล เปรียบได้กับพี่เบิร์ด ที่ตอนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ดังยังไง ปัจจุบันก็ยังฮิตแบบนั้นอยู่! ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่เป็นแบบนั้น เพราะขนาดเราขับรถ ปีนเขา คือเห็นหิน เห็นภูเขาอะไรพวกนี้มาเยอะ จนเริ่มจะเอียนธรรมชาติแล้ว พอได้ไปยืนริมสัน Canyon ก็เก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน!
Grand Canyon : http://goo.gl/GngKoL
- Joshua national park
เป็นอุทยานขนาดเล็ก ที่น่ารักมากๆ อุดมไปด้วยต้น Joshua สมชื่อเลย จุดชมวิวอันนึงที่น่าแวะมากๆเลย คือ Cactus Garden ตรงตามชื่อว่า เป็นสวนต้นกระบองเพชร ที่เรียงรายกันเป็นไร่ๆ สุดลูกหู ลูกตา
- Salvation mountain
สารภาพก่อนเลยว่า ตอนแรกอยากไปที่นี่ แค่เพราะว่ามันถ่ายรูปสวย แต่ระหว่างที่ขับรถไป แล้วทางก็ลำบากขึ้นเรื่อยๆ คือเป็นทางลูกรังเล็กๆ ไม่มีร้านค้า ไม่มีวี่แววบ้านคน ปั้มน้ำมันอย่าหวัง แล้วน้ำมันก็ใกล้หมด แบบแจ้งเตือนด้วยไง เลยต้องชั่งใจกันว่า จะไปต่อ หรือหันหลังกลับ เราก็เลยเปิดหาข้อมูลเพิ่ม เลยได้รู้ว่า ภูเขาลูกเนี้ย เกิดจากความเชื่อ และรักในพระเจ้า (God)
- San Diego
ในที่สุดก็ได้กลับเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองกรุง เริงแสงสีกันอีกครั้ง! ซึ่งระหว่างขับมาจาก Salvation Mountain นั้น อยู่ๆวิทยุที่เปิดเพลง Taylor Swift สะบัดผมสวยๆ ก็กลายเป็นเพลงภาษาสเปนไม่คุ้นหู รู้แค่อยากลุกขึ้นมาสะบัดกระโปรงเฉยเลย! นั่นก็เพราะว่า San Diego เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง อเมริกา กับเม็กซิโกนั้นเอง
- Say goodbye to west coast
ถ้าสรุปความรู้สึกของการขับรถเที่ยว 2 อาทิตย์มาเป็น คำๆเดียว คงไม่พ้น “คุ้มโคตรๆ” คือมันก็มีช่วงที่เหนื่อย มีบางที่ๆไปแล้วไม่ได้ว๊าวว มีตอนขับรถที่เมื่อไหร่จะถึง นั่งจนปวดตูด มีความหิว แต่ไม่อยากอาหาร โอ้ยย! สารพัด แต่รวมๆแล้ว ประสบการณ์ทั้งหมด ทุกเรื่องราวที่เจอ มันโคตรคุ้มเลยที่ตัดสินใจมา
แต่อเมริกามันกว้าง เรายังต้องไปต่อ! โบกมือลาฝั่ง West Coast แล้วขึ้นเครื่องสวยๆลัดฟ้าไป NYC กันต่อ Chuck Bass และ Empire State รออยู่!
West coast เป็นความฝันของวัยรุ่นทั่วโลกจริงๆ แม้กระทั่งเด็กเอเชียตาดำ ผมดำอย่างเราๆ ก็ยังอยากจะไปเยือนด้วยตัวเองซักครั้งในชีวิต เราว่าทริปนี้คุ้มมาก และควรทำตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ เพราะทุกอย่างไม่ได้แพงจนเกินไป ไม่ได้แพงจนพวกเราจ่ายไม่ไหว ถ้าเพื่อนๆ สนใจ Qatar Airways มีบินตรงจากกรุงเทพ – โดฮา วันละ 4 ไฟลท์ แล้วต่อเครื่องบินตรงจาก โดฮา-ลอสแองเจอลิส ได้วันละ 1 ไฟลท์ บอกเลยว่าสะดวกที่สุด ไว้ว่าจะไฟลท์ไหน ถ้าเผื่อเวลาต่อเครื่องดีๆ อาจจะ Take Free Tour ออกไปเที่ยวเมืองโดฮาได้ด้วยนะ เชื่อพวกเราเถอะว่าการเดินทางไกลๆ ที่ต้องนั่งเครื่องบินนานๆ อย่า! เลือก! จากราคาถูกเพียงอย่างเดียวแต่ให้เลือกจากความคุ้มค่า และสะดวกสบายด้วยนะ Qatar Airways เป็นอีกตัวเลือกนึงสำหรับเดินทางทั่วโลก ออกเดินทางไปพร้อมกันแล้วให้ประสบการณ์เป็นครูของพวกเรา :)
