A Lovely 3 Days Guide in Tokyo เที่ยวโตเกียว 3 วันชิลกว่าที่คิด! ใครจะไปคิดว่าเที่ยวญี่ปุ่น 3 วันชิลกว่าที่คิด! มีเวลาน้อย ก็เก็บได้ครบทุกรสชาติ กดอ่านแล้วตามรอยได้เลย!
ขึ้นชื่อว่า ‘ประเทศญี่ปุ่น’ กลับไปเที่ยวอีกสักล้านรอบก็ไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะ ‘โตเกียว’ ที่เที่ยววนไปซ้ำ ๆ ได้อีกทุกปี เพราะความน่ารักของทั้งผู้คน และบรรยากาศอบอุ่นละมุนละไมของบ้านเมือง แถมยังมีของอร่อยขึ้นชื่อทุกย่านทุกเมืองให้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ที่สำคัญโตเกียวนี่แหละสวรรค์บนดินของนักช้อป! เมืองแฟชั่นระดับโลกที่ทุกคนแต่งตัวโก้เก๋ออกมาเดินชิบูย่ากัน เหมือนได้เปิด Pinterest เวอร์ชันญี่ปุ่น มีเรฟแล้วก็พร้อมลุยชอปปิงต่อแบบไม่แคร์น้ำหนักกระเป๋า
เพราะเราบินตรงลงโตเกียวกับการบินไทย ชั้น Business Class ที่สะดวกสบายตั้งแต่เช็กอิน จะไฟล์ทไหนก็ชิลกับบริการ Full Service เวลาน้อยเตรียมตัวไม่นาน กดจองตั๋วก็พร้อมบินไปนั่งกินอาหารอร่อย ๆ บนเครื่อง นอนชิลดูหนังแบบสวย ๆ รู้ตัวอีกทีก็ถึงแล้ว
และโตเกียวยังเป็นหนึ่งใน 4 เส้นทางแฟชั่น มิลาน / ปารีส / โตเกียว / เซี่ยงไฮ้ ที่หากบินชั้นธุรกิจทั้งขาไปและขากลับ จะได้รับ Sirivannavari Amenities Kit จากแบรนด์ SIRIVANNAVARI พร้อมอุปกรณ์ Amenities จำเป็นเอาไว้ใช้งานบนเครื่อง ซึ่งมีด้วยกันถึง 2 ลวดลาย ถ้านั่งไปกลับก็จะเลือกได้ครบทั้งสองลายเลย
ใบแรกเป็นผ้าบาติกลายสวนดอกไอริสและดอกกล้วยไม้โทนสีชมพูและสีม่วงสดใส บนกราฟฟิกรูปเกือกม้า สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ที่วางสลับกันเป็นลาย S Monogram ของแบรนด์ ถูกจริตสาว ๆ อย่างเราที่สุด ลงเครื่องไปเที่ยวโตเกียว ก็พกเอาไปใช้ถือเป็นกระเป๋าอเนกประสงค์ต่อได้เลย
อีกใบเป็นลายผ้าบาติกโทนน้ำเงินขาว ที่ถ่ายทอดเสน่ห์ของผืนผ้าที่สวยงามของภาคใต้ ผสมผสานกับลายดอกรักราชกัญญา ช้าง นกยูง รวมถึงดอกไอริสและกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และการบินไทยไว้ด้วยกัน ได้ฟีลเท่ ๆ ผู้หญิงใช้ได้ผู้ชายใช้ดี
นอกจากดีไซน์กระเป๋าเก๋ ๆ ข้างในยังเป็น Amenities จาก Sirivannavari Maison ครบทั้งแฮนด์ครีมกลิ่นกุหลาบ สเปรย์หอม ๆ ลิปบาล์มบำรุงปาก และผ้าปิดตาลายเดียวกัน รวมถึงแปรงสีฟันจากไม้ไผ่ ยาสีฟัน MARVIS ที่อุดหูกันเสียงรบกวนไว้ใช้งานกันต่อแบบยาว ๆ
บินโตเกียว 6 ชั่วโมง เราขอเลือกเดินทางสบาย ๆ กับการบินไทยชั้น Business Class ที่สะดวกสบายตั้งแต่เช็กอิน จะไฟล์ทไหนก็ชิล เพราะใช้สิทธิ์ Royal Orchid Plus เข้าไปใช้บริการ Royal Orchid Prestige Lounge กินอาหารอร่อย ๆ ที่เสิร์ฟฉ่ำตั้งแต่บรันช์ ยันอาหารไทยแซ่บ ๆ ให้คลายความคิดถึงบ้านก่อนออกเดินทาง ไปจนถึงขนมหวานรสชาติละมุน ที่จัดจานคู่กับเครื่องดื่มเลิศ ๆ เสิร์ฟมาแบบร้านอาหาร Fine-Dining
และตั้งแต่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป เค้าให้บริการ Wi-Fi ฟรีทั้งขาไป-ขากลับ บนเครื่อง A350 สำหรับผู้โดยสาร Royal Orchid Plus ด้วยนะ จะทำงาน อัพรูปที่ถ่ายมาทั้งทริปลงโซเชียลก็ไม่ต้องห่วง
ใครยังไม่ได้สมัคร ตามไปสมัครใช้ก่อนใครได้ที่ www.thaiairways.com/…/about-royal-orchid-plus
ก้าวขึ้นเครื่องก็ประทับใจกับบริการ Full Service ที่นั่งกว้าง เหยียดขานอนสบาย แถมจอใหญ่จุใจ เดินทาง 6 ชั่วโมงแบบไม่มีเบื่อ พร้อมเสิร์ฟอาหารอร่อยระดับพรีเมียมตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น Oriental Dawn และ Rose of Royal Voyage สปาร์คกลิ้งสปริตซ์ซิกเนเจอร์ที่ต้องขอเบิ้ลสอง ช็อกโกแลตจากกาลเวลา ลูกจุ๊บทีจี ไปจนถึง Streets to Sky จากร้านสตรีทฟู้ดเจ้าเด็ดทั่วไทยก็มา ที่ชอบอีกอย่างคือน้ำหนักกระเป๋าจัดเต็ม ถูกใจคนไปเที่ยวญี่ปุ่น เพราะหอบของฝากกลับมาแบบไม่หวาดไม่ไหว
.
Jiyūgaoka
📍 maps.app.goo.gl/KdkFjN859PUQnRm49
ย่าน Jiyūgaoka เป็นพิกัดเดินเล่นในโตเกียวที่ไม่วุ่นวาย แต่เต็มไปด้วยความละมุนฮีลใจของบรรดาร้านสองข้างทางที่น่ารักเกินต้าน อีกหนึ่งมุมของโตเกียวที่ออกจากสถานีรถไฟมาไม่กี่ก้าว ก็จะเจอทั้งร้านเสื้อผ้าเก๋ ๆ คาเฟ่นั่งชิล ร้านดอกไม้หอม ๆ แล้วยังมีมุมคลองจำลองบรรยากาศของเมืองเวนิส พร้อมสะพานหินให้นั่งเล่น ถ่ายรูปเพลิน ๆ ถ้าใครชอบมู้ดของย่าน Daikanyama หรือ Nakameguro Jiyūgaoka ก็เป็นย่านที่น่ารักไม่แพ้กันเลย
ที่ชอบสุดของย่าน คือร้านเสื้อผ้าและของกระจุกกระจิกรวมถึงของตกแต่งบ้านดีไซน์ดีมาก เป็นแนวมินิมอลนิด วินเทจหน่อย เหมือนได้เดินดูไอเดียตกแต่งบ้านใน Pinterest ของญี่ปุ่นแบบเรียลไทม์สมเป็นเมืองแฟชั่น
เดินชอปปิงแบรนด์โลคอลแบบเพลิน ๆ เพิ่งสังเกตว่าคนที่นี่แต่งตัวเก๋มาก ชุดส่งคน คนส่งร้าน ร้านส่งย่าน เพิ่มไวป์ความน่ารักแบบ x10 และที่สำคัญคือมันสงบไม่พลุกพล่าน เหมาะมากกับวันที่อยากพักผ่อนช้อปนิด กินขนมหน่อย เดินจิบกาแฟท่ามกลางอะไรที่เจริญหูเจริญตา
.
Kosoan
📍 maps.app.goo.gl/Ek48WFbAjJkgKmzeA
ในย่านนี้ยังมีพิกัดที่ไม่ควรพลาด อย่าง ‘Kosoan’ บ้านญี่ปุ่นโบราณ ที่เปิดประตูเข้าไปเหมือนหลุดเข้าไปในญี่ปุ่นยุคเอโดะในทันทีทันใด ด้านในบ้านไม้จะเป็นโต๊ะญี่ปุ่นพร้อมเสื่อทาทามิ ให้นั่งชิลผ่อนคลายชมสวยเล็ก ๆ บรรยากาศดีเงียบสงบเหมือนอยู่ในชนบท
ถ้าเดินชอปปิงจนเหนื่อย แวะมานั่งให้หายเมื่อย ก็เหมือนได้ของแถมเป็นของอร่อย เพราะไฮไลต์ของที่นี่ที่มาแล้วต้องสั่ง คือ วาราบิโมจิขนมญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่กินคู่กับมัทฉะร้อนหอม ๆ คือฟินที่สุด หรือถ้าอยากได้อะไรเย็น ๆ แนะนำให้สั่งชาเขียวเย็น และ Ice cream Anmitsu วุ้นสไตล์ญี่ปุ่น มีถั่วแดงกวน ผลไม้ ท็อปด้วยไอศกรีมชาเขียวกินแล้วสดชื่นมาก
.
ALPHA BETA COFFEE CLUB 自由が丘駅前店
📍maps.app.goo.gl/5oRZfuMjvUmYhbZx6
ส่วนถ้าใครมองหาคาเฟ่จิบขนมและกาแฟเบา ๆ ที่คนโลคอลชอบมากิน แนะนำร้าน ‘ALPHA BETA COFFEE CLUB’ หน้าร้านดีไซน์เท่ ๆ ด้วยอิฐบล็อกสีแดง มี Outdoor Terrace ชิล ๆ ด้านนอก แดดไม่แรงเลยสาย ๆ ก็ยังนั่งสบาย ๆ มีเมล็ดกาแฟให้เลือกเยอะ แต่สาว ๆ แบบเรา กินของหวานได้ไม่อั้น ขอสั่งน้ำแข็งไสเย็น ๆ มาดับร้อนอีกสักถ้วย ก่อนเดินเที่ยวต่อในย่านนี้
.
Toden Arakawa Line
อย่างที่บอกว่าโตเกียวรอบนี้เรามาแบบชิล ๆ ยิ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ของทุกปีเหมาะมากที่จะมานั่งรถไฟ Toden Arakawa Line รถไฟสุดคลาสสิกของญี่ปุ่นเพื่อชมวิวดอกกุหลาบสวย ๆ ริมทาง นอกจากนี้ยังได้รับฉายาว่า ‘Tokyo Sakura Tram’ เพราะช่วงปลายมีนาคม–เมษายน ทั้งสองข้างทางยังเต็มไปด้วยดอกซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียวเลยก็ว่าได้
มุมนี้สวยมาก มองผ่านพุ่มดอกกุหลายหอม ๆ ออกไป จะได้จังหวะรถไฟสุดคลาสสิกวิ่งผ่านมาตามรางแบบพอดิบพอดี
เสน่ห์ของกุหลาบที่นี่คือสีสันของดอกที่วางตัวสลับกันทั้งขาว ชมพูอ่อนและเข้ม และนี่แหละที่ทำให้เราตกหลุมรักญี่ปุ่นแบบซ้ำ ๆ กับสิ่งละอันพันละน้อยที่หาได้จากสองข้างทาง
.
Shiba Park
📍maps.app.goo.gl/NTTCg7SCx7Ykrxdx6
หนึ่งในช่วงเวลาที่โตเกียวสวยที่สุดคือพระอาทิตย์ตกดิน โดยเฉพาะถ้าได้มานั่งที่ ‘Shiba Park’ แล้วมอง Tokyo Tower ค่อย ๆ เปลี่ยนสีไปตามแสงพระอาทิตย์ตก ก่อนจะเปิดไฟโดดเด่นในยามค่ำคืน เป็นโมเมนต์ที่เรียบง่ายแต่สวยจนอยากหยุดเวลาไว้เลยจริง ๆ
สวนนี้อยู่ใกล้กับวัด Zojoji และเดินจากสถานี Shibakoen หรือ Akabanebashi ได้สะดวก เป็นพื้นที่สนามหญ้ากว้าง ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจี และมุมเงียบ ๆ ให้พักสายตาจากเมืองใหญ่ ตัว Tokyo Tower เองถ้ามองจากตรงนี้จะได้เห็นเต็มเฟรมแบบไม่มีตึกบัง เป็นหนึ่งในมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ขนาดคนท้องถิ่นยังชอบมานั่งเล่นปิกนิก หรือจูงน้องหมาออกมาเดินเล่น
ใครที่อยากมานั่งชิลแบบนี้ แนะนำช่วง 17.00–18.30 น. แสงเย็นจะนุ่ม เปลี่ยนบรรยากาศจากฟีลสดใส เป็นอบอุ่นและเงียบสงบ เป็นอีกมุมของโตเกียวที่ไม่ได้ว้าวแบบหวือหวา แต่กลับทำให้เมืองนี้น่าจดจำขึ้นอีกเยอะเลย
.
Shibamata
📍 maps.app.goo.gl/gaYGv9DMs98mtPuAA
เช้านี้เราวาร์ปมาที่ ‘Shibamata ’ ย่านบ้านโบราณ ที่สมัยก่อนเคยเป็นที่อยู่ของบรรดาพ่อค้าและช่างฝีมือ ทำให้กลิ่นอายความเป็นย่านการค้าในยุคเก่า ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เดินออกจากสถานี จะเจอกับรูปปั้น ‘Tora San’ ตัวเอกจากซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘Otoko wa Tsurai yo’ ซีรีส์ที่ออกอากาศยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 1960-1995 ซึ่งถ่ายทำในย่านนี้ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ไปแล้ว
ไฮไลต์ของย่านนี้คือ ‘Taishakuten Sandō’ ถนนคนเดินแบบ Old Town Shopping Street สมัยก่อนที่เต็มไปด้วยร้านค้าสองข้างทางยาว 200 เมตร ที่เราตั้งมาเดินเล่นชิล ๆ ปล่อยจอยปล่อยใจ ตามหาของเล่นน่ารัก ๆ และขนมอร่อย ๆ กิน เพราะบางร้านบนถนนเส้นนี้เป็นร้านค้าเก่าแก่เปิดมากว่าร้อยปี และยังเก็บรักษาสถาปัตยกรรมไม้โบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ขนมอร่อย ๆ ที่ไม่ควรพลาดคือ Kusa‑dango ขนมดังโงะสีเขียวที่โด่งดังที่สุดในย่านนี้ สีเขียวทำจากใบโยโมกิหอมกลิ่นสมุนไพรนิด ๆ สอดไส้ถั่วแดงกวน เคี้ยวนุ่มหนึบหวานกำลังดี
สายของกรุบกรอบไม่ควรพลาดข้าวเกรียบ ‘Senbei’ ย่างมือ มีให้เลือกหลายรสตั้งแต่ซอสถั่วเหลือง งา หรือสาหร่าย แล้วยังมีขนมและร้านดังอื่น ๆ อีกเพียบ เดินชิมเพลิน ๆ ได้เลยตลอดทาง
.
Taishakuten
📍maps.app.goo.gl/uCzrnqwKD6Z4cZN99
ค่าเข้าวัดคนละ 200 เยน
สุดทางถนนจะเป็นทางเข้าวัด ‘Taishakuten’ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1629 สมัยเอโดะ โดดเด่นด้วยประตูไม้แกะสลักวิจิตรอลังการ ที่เรียกว่า Nitenmon Gate สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของเทพทั้งสองที่ปกป้องคุ้มครองวัด ซึ่งตัวงานถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีเป็นการแกะไม้ที่ละเอียดลออจนแทบหยุดดูไม่ได้เลย
เดินลึกเข้าไปในวัดจะเจอกับ Sculpture Gallery ซึ่งอยู่ติดกับหอหลักด้านใน เป็นพิกัดที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ เพราะที่นี่มีไม้แกะสลักขนาดใหญ่ 10 แผ่น ที่สลักจากไม้ Zelkova เพียงชิ้นเดียว เป็น 10 ฉากจากคัมภีร์ Lotus Sutra
แผงไม้เหล่านี้ถูกจัดเก็บในห้องที่เป็นกระจกทั้งด้านนอกและด้านใน เพื่อปกป้องจากสภาพอากาศ แต่ก็สามารถชมรายละเอียดได้ชัดเจน แค่เดินผ่านก็รู้สึกถึงฝีมือละเอียดลออ เหมือนได้ดูภาพจิตรกรรม 3 มิติ
พอไหว้พระเสร็จด้านหลังจะมีสวน ‘Suikeien’ สวนแบบเอโดะยุคสุดท้ายของญี่ปุ่น ที่สวยและบรรยากาศดีมากกก ให้เดินเล่นชิล ๆ ดื่มชาสักถ้วย แล้วเดินออกไปชมวิวแม่น้ำ Edo ถ้ามีเวลาอย่าพลาดนั่งเรือวูจิริ (Yagiri-no-Watashi) ข้ามฝั่ง เหมือนได้ย้อนเวลาไปสมัยก่อนเลยจริง ๆ
.
Sensō-ji
📍maps.app.goo.gl/vioLwZRvCgH7nQud7
พูดถึงโตเกียว ถ้ายังไม่ได้แวะ ‘วัดเซ็นโซจิ’ ก็คงเหมือนยังมาไม่ถึง แม้ว่าจะเคยมากี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่านี่คือจุดเช็กอินคลาสสิกที่ต้องแวะเสมอ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว แต่ยังเต็มไปด้วยบรรยากาศญี่ปุ่นแบบที่หลายคนอยากสัมผัส และแวะมาขอพรให้มีโชคลาภ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไฮไลต์ของที่นี่คือ ‘โคมแดงยักษ์’ ที่ถ่ายรูปมุมไหนก็ออกมารู้เลยว่าอยู่ญี่ปุ่น
แม้ว่าคนจะเยอะแต่ทุกครั้งที่ไหว้พระขอพรเสร็จ ภารกิจถัดไปคือเดินเล่นแวะช้อปของกระจุกกระจิกน่ารัก ๆ หาของอร่อยกินที่ถนนด้านหน้าของวัด ขนมยอดฮิตต้องยกให้ เมลอนปัง ไทยากิ นิงเกียวยากิหน้าเทพเจ้าแห่งโชคลาภ โยกังมันเทศ และอื่น ๆ อีกเพียบ
.
Tokyo Skytree
📍maps.app.goo.gl/RzSznQQK8GQwq8Ev9
ครั้งนี้เราเลยขอเช่ายูกาตะเก๋ ๆ มาเดินเล่นและถ่ายรูปสวย ๆ ในย่านนี้ด้วย แถวนี้จะมีร้านยูกาตะให้เช่าเยอะ พร้อมบริการแต่งหน้าทำผม ช่วยแมทชุด ใส่ยูกาตะแบบถูกวิธีให้แบบเสร็จสรรพ และออกไปถ่ายมุมไฮไลต์ของย่านนั่นก็คือถนนที่มองตรงไปเห็น ‘Tokyo Skytree’ เป็นฉากหลัง
อีกหนึ่งมุมมินิมัลที่มองเห็น Tokyo Skytree ชัดกว่าใครแบบไม่มีอะไรมาบัดบัง
.
Meiji Shrine
📍maps.app.goo.gl/UdGfMQWFVvFEtUHG9
ปักหมุดไปต่อกันที่ศาลเจ้าเมจิที่อยู่ใจกลางชิบูย่า เพื่อตามหาความสงบจิตสงบใจ ขอพรเอาฤกษ์เอาชัยก่อนกลับบ้าน แล้วจะได้ชอปปิงต่อได้สะดวก ถ้าชิบูย่าคือจุดรวมตัวของความวุ่นวายบนห้าแยก ที่นี่ก็คงเป็นเหมือนโอเอซิสเช่นกัน เพราะเดินผ่านร่มเงาไม้ภายในสวนกว้างเข้ามา ก็รู้สึกเงียบสงบขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ นี่แหละคือเสน่ห์ของศาลเจ้าเมจิ
ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1920 เพื่อเทิดพระเกียรติจักรพรรดิเมจิผู้ปฏิรูปประเทศสู่ความทันสมัย พอเข้ามาถึงศาลเจ้าหลัก เราสามารถเขียน ema ลงบนแผ่นไม้เพื่อขอพรได้ คนญี่ปุ่นมักมาขอพรเรื่องสุขภาพ ความรัก และความสำเร็จ
ก่อนเข้าไปขอพรด้านใน ทุกศาลเจ้าจะมีจุดชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อน เราก็แค่ล้างไม้ล้างมือรับความชุ่มฉ่ำของน้ำเย็นให้ชื่นใจก่อนจิตใจจะได้สงบ
..
Shibuya
📍maps.app.goo.gl/eyWANXuxHNze4ShNA
ก่อนกลับบ้าน ถ้ามีเวลาไม่เยอะแต่อยากชอปปิง แนะนำให้มาที่ ‘Shibuya Scramble Crossing’ ห้าแยกที่คนพลุกพล่านที่สุดในโลก! แม้ว่าจะมาหลายครั้งแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนมาใหม่ทุกครั้ง เพราะเวลาเดินข้ามห้าแยกชิบูย่าสนุกตื่นเต้นทุกครั้ง เป็นอีกโลเคชั่นที่ทำให้รู้สึกว่ามาถึงญี่ปุ่นแล้วจริง ๆ
ถ้าอยากเห็นภาพความแฟชั่นของญี่ปุ่น ที่นี่แหละเปิดโลกเพราะบนถนนจะเต็มไปด้วยผู้คนที่แต่งตัวหลากหลาย แสดงความเป็นตัวเองด้วยการมิกซ์แอนด์แมช Outfit เก๋ ๆ ออกมานอกบ้าน
แถมร้านรวงต่าง ๆ ก็คัดสรรแบรนด์ชั้นนำระดับโลก แบรนด์โลคอลของญี่ปุ่น ไปจนถึงแบรนด์แฟชั่นที่ Niche ขึ้นมาหน่อยที่บางช้อปอาจจะของหมดที่นี่ก็มีครบ ถ้าจะหาซื้อเก๋ ๆ รองเท้าเท่ ๆ สักคู่ ต่อด้วยอาร์ตทอยหรือของเล่นเจ๋ง ๆ มาย่านชิบูย่ามีครบ! ช้อปสนุกมาก
A Lovely 3 Days Guide in Tokyo เที่ยวโตเกียว 3 วันชิลกว่าที่คิด! กลางปีวันลาน้อย 3 วัน ก็เที่ยวญี่ปุ่นได้แบบชิล ๆ ปักหมุดลงโตเกียว เที่ยวง่ายสบาย ๆ เน้นไปพักผ่อน จะได้มีกำลังใจกลับมาใช้ชีวิตต่อ และกลับไปเที่ยวอีกครั้ง เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ กลับไปเที่ยวอีกสักล้านรอบก็ไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะ ‘โตเกียว’ ที่เที่ยววนไปซ้ำ ๆ ได้อีกทุกปี เพราะมีของกินและพิกัดชอปปิงใหม่ ๆ มาให้อัพเดตกันอยู่ตลอด
ถ้ามีเวลาน้อย ไปเที่ยวทั้งทีแนะนำให้ใช้บริการชั้น Business Class จากการบินไทย ที่นั่งเค้ากว้าง หลับสบายได้แบบยาว ๆ มีอาหารอร่อยบนเครื่องให้ทานแบบจัดเต็ม แถมช่วงนี้ยังได้ Sirivannavari Amenity Kit จากแบรนด์ดังไว้ใช้งานต่อหลังจบทริป เฉพาะ 4 เส้นทางแฟชั่น มิลาน / ปารีส / โตเกียว / เซี่ยงไฮ้ เท่านั้นน้าา 💜✈️
A Lovely 3 Days Guide in Tokyo เที่ยวโตเกียว 3 วันชิลกว่าที่คิด!
ส่วนใครที่แพลนไปเที่ยวเมืองอื่น ๆ ในญี่ปุ่น เราก็รวบรวมบทความไกด์เที่ยวสนุก ๆ มาให้แล้ว 🤍 🇯🇵 www.wheredowego.in.th/travel
.
A Lovely 3 Days Guide in Tokyo เที่ยวโตเกียว 3 วันชิลกว่าที่คิด!
