ถ้าเธอเป็นคนชอบธรรมชาติ แต่จริง ๆ ก็ซ่อนความเปรี้ยวเผ็ดเเซ่บเข็ดฟัน ชอบอะไรล้ำ ๆ เอาเป็นว่าลองมาเที่ยว ‘เซี่ยงไฮ้‘ หนึ่งในมหานครของโลกที่สวยจับใจสักครั้ง แล้วจะได้คำตอบว่านี่หละ ๆ สวรรค์ที่รวมความสวยคลาสสิกเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นตึกเก่าสไตล์ยุโรป วัฒนธรรมจีนเก่าแก่ กลิ่นอายความหว่องน่าค้นหา และความเลิศอลังการทันสมัย ไม่ว่าจะการเดินทาง ตึกใหม่ดีไซน์ล้ำ ๆ พิกัดย่านชอปปิงชิคเก๋สมเป็นเมืองแฟชั่น เมืองที่เดินไปมุมไหนก็ถ่ายรูปรัวชัตเตอร์แบบคิดท่าโพสต์ไม่ทัน พร้อมร้านอร่อย ที่คว้ารางวัลมากมายมาเสิร์ฟไว้แทบทุกมุมถนนแบบครบทุกรสชาติ!


เที่ยวจีนฟรีวีซ่า! ใครยังไม่ได้ไปเยือน ‘เซี่ยงไฮ้’ ถือว่าพลาดมาก! กลางปีนี้บินตรงไปหามุมถ่ายรูปอัพลงไอจี กินเสี่ยวหลงเปาอร่อย ๆ กับการบินไทย บินตรงสู่จีนหลากหลายเส้นทางเวลาดี บินตรงแบบฟูลเซอร์วิสที่รวมอาหาร ที่นั่งและน้ำหนักกระเป๋าครบถ้วน

และฉลองครบรอบ 65 ปีการบินไทย สำหรับผู้โดยสารชั้น Royal Silk Class ที่เดินทางในเส้นทาง มิลาน / ปารีส / โตเกียว / เซี่ยงไฮ้ จะได้รับ SIRIVANNAVARI Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ล่าสุด 2 ลวดลาย จากแบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่ได้แรงบันดาลใจจากผ้าบาติกลายสวย พร้อมอุปกรณ์ด้านใน เอาไว้ใช้งานบนเครื่องและพกพาเอาไปใช้งานต่อในทริปหรือเป็นพร้อพถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้หลายโอกาส จองเลยที่ https://tinyurl.com/2t7vvxn2 💜
เซี่ยงไฮ้ฉบับไปไง มาไง จะมีพิกัดไหนน่าเที่ยวบ้าง นี่คือรวม 16 พิกัด เที่ยวเซี่ยงไฮ้จบได้ภายใน 3 วันฉบับคนรักเมืองจีนมาให้แล้ว!

กระเป๋า Sirivannavari Amenities Kit พิเศษที่แจกเฉพาะ 4 เส้นทาง จะมีด้วยกัน 2 ลวดลาย คือ ลายผ้าบาติกโทนขาว-น้ำเงิน ที่เราได้มาและเอามาใช้งานแทบตลอดทั้งทริป ถ่ายทอดเสน่ห์ของผืนผ้าที่สวยงามของภาคใต้ ผสมผสานกับลายดอกรักราชกัญญา ช้าง นกยูง รวมถึงดอกไอริสและกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และการบินไทยไว้ด้วยกัน

ส่วนลายที่สอง เป็นผ้าบาติกลายสวนดอกไอริสและดอกกล้วยไม้ บนกราฟฟิกรูปเกือกม้า สัญลักษณ์แห่งความโชคดี ที่วางสลับกันเป็นลาย S Monogram ของแบรนด์ โทนสีชมพูและสีม่วงสีสันสดใสมากก สาว ๆ เอาไปอแดปส์ใส่สายคล้อง ถือเป็นกระเป๋าใช้ในชีวิตประจำวันต่อได้เลย

เห็นใบเท่านี้ แต่ใส่ของจำเป็นที่ใช้บนเครื่องและพกพาไปใช้ในทริปต่อได้สบาย! เพราะนอกจากดีไซน์กระเป๋า ยังใช้ Amenities จาก Sirivannavari Maison ทั้งแฮนด์ครีมกลิ่นกุหลาบ ลิปบาล์มบำรุงปาก สเปรย์หอม ๆ และผ้าปิดตาลายเดียวกัน รวมถึงแปรงสีฟันจากไม้ไผ่ ยาสีฟัน MARVIS ที่อุดหูกันเสียงรบกวนไว้ใช้งานกันต่อแบบยาว ๆ


บินสบายกับการบินไทย ชั้น Business Class ที่สบายตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องกับบริการ Full Service ที่นั่งกว้างจอใหญ่จุใจ เสิร์ฟอาหารอร่อยระดับพรีเมียมตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น Rose of Royal Voyage, Oriental Dawn ซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่ต้องขอเบิ้ลสอง อร่อยจึ้งกับ Streets to Sky จากร้านสตรีทฟู้ดเจ้าเด็ดทั่วไทย

ที่ชอบอีกอย่างคือน้ำหนักกระเป๋าจัดเต็มถูกใจสายชอป และตั้งแต่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป เค้าให้บริการ Wi-Fi ฟรี! ทั้งขาไป-ขากลับ บนเครื่อง A350 สำหรับผู้โดยสาร Royal Orchid Plus ด้วยนะ จะทำงาน อัพรูปที่ถ่ายมาทั้งทริปลงโซเชียลก็ไม่ต้องห่วง
ใครยังไม่ได้สมัคร ตามไปสมัครใช้ก่อนใครได้ที่ www.thaiairways.com/…/about-royal-orchid-plus
.
Xintiandi
ขอเปิดประเดิมที่แรกฉบับสายแฟตัวพ่อกันที่ย่าน ‘Xintiandi’ ที่เดินทางง่ายสะดวกสบาย แค่นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี Xintiandi หรือถ้าใครพักในเมืองอยู่แล้วก็สามารถนั่ง DiDi มาได้

ที่นี่เป็นอีกหนึ่งย่านฮอตฮิตที่เหล่าคนชิคคนเก๋เค้ามารวมตัวกัน ถ้าหากจะอธิบายให้เห็นภาพ ก็ฟีลเหมือนเดินเล่นอยู่ในย่านทองหล่อพร้อมพงษ์ ที่มีทั้งร้านอาหาร บาร์เก๋ ๆ ชอปแบรนด์เนม ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ระดับโลกไปจนถึงแบรนด์โลคอลคุณภาพดี มีคาเฟ่บรรยากาศดีให้แวะตลอดทาง ซึ่งชาวต่างชาติก็เลยจะเยอะเป็นพิเศษ

ขอเท้าความเดิมให้ฟังกันสักนิดจะได้เดินเที่ยวสนุกขึ้น ก่อนที่ย่านนี้จะฮิปเก๋ขี้นชื่อเหมือนในปัจจุบัน พื้นที่ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนเซี่ยงไฮ้มาก่อน ถ้าสังเกตดี ๆ ตัวสถาปัตยกรรมจะเป็นลูกผสมระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออกที่เรียกว่า ‘ฉือคู่เหมิน’ (Shikumen)

ซึ่งบ้านเรือนส่วนใหญ่ทั้งสองข้างทาง จะออกแบบประตูด้วยอิฐบล็อกตามแบบฝรั่ง และร่มรื่นด้วยอุโมงค์ต้นเมเปิ้ลยาวตลอดแนว บรรยากาศดีมากและก็ยังสะท้อนความเป็นเซี่ยงไฮ้ได้ดีมากเช่นกัน โซนนี้ต้องถูกใจสายชอปอย่างแน่นอน เพราะมีห้าง Xintiandi Style ที่เป็นห้างหรูขายของแบรนด์ Local Designer เก๋ ๆ มีร้าน Harmay ขายเครื่องสำอางยอดฮิตในโซเชียลที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ มาชอปปิ้ง เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เพลินมาก
.
Newyork Bagelous Museum
และแน่นอนมาย่านฮิต เราก็ต้องแนะนำร้านเก๋เข้าไปทำทรงยืนเท่ กินกาแฟให้หายเมื่อยกันสักนิด เริ่มเลยที่ร้าน ‘Newyork Bagelous Museum’ 🍞🥖 ที่นี่ไม่ใช่ร้านเบเกิลธรรมดานะ มันคือมิวเซียมเบเกิลขนาดย่อม ๆ ที่โชว์เบเกิลน่าอีสสส ประหนึ่งงานศิลปะที่กินอร่อย ตัวร้านตกแต่งสไตล์ Industrial Loft ฟีลเหมือนอยู่บรูคลินเท่ ๆ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย

ซึ่งเบเกิลเค้าก็ไซส์ใหญ่ไส้แน่นหน้าตาดีทุกชิ้น มีท็อปปิ้งให้เลือกหลากหลาย แนะนำให้ลองเมนู ‘เบเกิลไข่คนกับแซลมอนรมควัน’ เป็นเมนูไฮไลต์ที่คลาสสิกที่ทำออกมาดีมาก เนื้อเบเกิลหนึบหนับกำลังดี รสชาติกลมกล่อม แต่ชิ้นใหญ่ ซื้อมาแบ่ง ๆ กันชิมก็ได้นะ แต่ช่วงนี้ร้านก็จะฮอตฮิตติดลมบนหน่อย ๆ ให้มาช่วงเช้าก็จะได้ที่นั่งในร้าน แต่นั่งหน้าร้านก็ได้ความชิลเหมือนกัน ช่วงไหนอากาศเย็น ๆ กินเบเกิลกับกาแฟอุ่น ๆ คือฟินนนน

.
Ah Ma Handmade Xintiandi
อีกหนึ่งร้านที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง ลองชิมแล้วก็ติดใจจนต้องบอกต่อ นั่นก็คือ ‘Ah Ma Handmade’ สาขานี้อยู่ใกล้ ๆ Xintiandi Style เลย บรรยากาศร้านจะเรียบง่าย ตกแต่งด้วยไม้ชวนอบอุ่น มีที่นั่งรอและนั่งชิล ๆ หน้าร้าน

ใด ๆ คือคิว ยาว มาก! แต่คุ้มทุกวินาทีที่รอ แนะนำให้เดินมาสั่งไว้ก่อน ไปเดินเที่ยวสัก 30-40 นาที แล้วค่อยกลับมาเอา 55555 เมนูอร่อยที่ไม่ควรพลาด และเชื่อว่า 80% ของร้านสั่งเหมือนกันหมดคือเมนู ‘นมตุ๋นใส่เผือกนึ่ง’ นมตุ๋นรสชาติกลมกล่อม เนื้อเผือกเนียนละมุน รสชาติหวานน้อยพอดี ใครเป็นสายของหวานจะหลงรักเลยล่ะเพราะเหมือนสอง Combination ระหว่างของหวานทานเล่น กับเครื่องดื่มไว้ในแก้วเดียว

และอีกเมนูยกให้ ‘ชานมโมจิใส่เผือก’ ตัวโมจิหนึบ ๆ ชุ่มชา บวกกับเผือกเนื้อละเอียดเหมือนกินของหวานฝีมือคุณยายทำให้ตอนตรุษจีนอะ ฟีลอบอุ่นสุด แล้วแพ็กเกจก็ดีสมราคาและการรอคอย
.

โลเคชั่นถัดมาเราชวนมาตามหาเอกลักษณ์ที่เป็นภาพจำของเซี่ยงไฮ้ ชนิดที่เห็นรูปปั้บต้องร้องอ๋อ อย่าง ‘Oriental Pearl หรือหอไข่มุกตะวันออก’ ที่ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของเมือง ก็สามารถมองหาเจ้าตึกกลม ๆ สุดล้ำที่เหมือนยานอวกาศนี้ได้ไม่ยาก แต่เรากำลังจะพาทุกคนไปเยือนกับ 4 พิกัดถ่ายรูปคู่กับตึกสุดล้ำนี้กัน
.
Lujiazui Circular Pedestrian Bridge
โลเคชั่นถัดไปขอเห็นหอไข่มุกแบบชัด ๆ ชัดแบบตะโกน ให้เห็นถึงดีเทลกันไปเลยกับ ‘Lujiazui Circular Pedestrian Bridge’ สะพานลอยวงกลมยักษ์กว่าจะเดินครบรอบก็ทำเอาเหนื่อยไม่ใช่เล่น เพราะตัดพาด 4 แยกถนน และเชื่อมสถาบันการเงินและแหล่งชอปปิงเข้าไว้ด้วยกัน ข้าง ๆ นี้มี Disney Store Shanghai แฟลกชิปที่ใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ไว้ด้วยนะ แอบบอกว่าของเยอะมาก คอลเลกชั่นพิเศษก็อยู่ที่นี่ เผื่อใครไม่ได้เข้า Disneyland ก็แวะมาได้

แต่ไฮไลต์ที่เราจะเล่าต่อไปนี้ คือใครที่ไม่มีเวลาขึ้นไปชมวิวด้านบน แต่อยากมีประสบการณ์ร่วมกับแลนด์มาร์กสำคัญ ก็มาเดินเล่นพิกัดนี้ได้ เพราะเห็นหอไข่มุกมุมเสยแบบชัดตาแตก ถ้าหากไปยืนมุมกลางสะพานก็เตรียมท่าโพสต์ปัง ๆ เท่ ๆ มาไว้ถ่ายรูปคู่กับตึกได้เลย
.
Suzhou Creek
จุดชมวิวบนสะพานใกล้ ๆ กับ The Bund ใครจะไปคิดว่า ‘คลอง’ ที่เคยเป็นทางขนส่งอุตสาหกรรมทางน้ำเมื่อหลายสิบปีก่อน จะกลายเป็นพิกัดชิล ๆ สำหรับเดินเล่น ปั่นจักรยาน ถ่ายรูป และดูพระอาทิตย์ตกที่โคตรชิล

เสน่ห์ของ ‘Suzhou Creek’ คือคลองที่ลากยาวจากซูโจวเข้ากลางเซี่ยงไฮ้ ก่อนจะมุดเข้าแม่น้ำ Huangpu ที่ปลายสุดตรงสะพาน Garden Bridge ใจกลางเมือง ช่วงเย็นแนะนำให้มานั่งตรงสวนริมน้ำ หรือยืนชมวิวบนสะพาน ดูคนเซี่ยงไฮ้ออกมาวิ่งเอย ปั่นจักรยาน พาหมามาเดินเล่นแบบ Slow Life ก็ได้คอนเทนต์เพียบ! เพราะไฮไลต์นอกจากทางขวาจะเป็นโบสถ์ Union Church สุดคลาสสิก เบื้องหลังยังเป็นหอไข่มุกตั้งเด่นเป็นสง่าให้ถ่ายรูปสวย ๆ

.
Union Church
ด้วยความที่เซี่ยงไฮ้ เป็นลูกครึ่งส่วนผสมระหว่างตะวันตกและตะวันออก เราก็จะเห็นบรรดาศาลเจ้าวัดจีนปัง พอ ๆ กับเห็นโบสถ์คริสต์สวย ๆ ในเมือง ซึ่ง ‘Union Church’ เป็นโบสถ์อิฐแดงที่ตั้งโดดเด่นอยู่ติดริม Suzhou Creek จุดชมวิวบนสะพานใกล้ ๆ กับ The Bund

เดิมทีโบสถ์นี้สร้างในปี 1886 โดยสถาปนิกชาวอังกฤษ William Dowdall ที่รังสรรค์สไตล์ Romanesque และ Gothic ออกมาได้สวยคลาสสิกและลงตัวสุด ๆ จนไม่อยากเดินผ่านไปเฉย ๆ อยากชวนหยุดแวะพักชมความสวยงามให้เต็มตาสักหน่อย

ซึ่งในอดีตโบสถ์เคยไฟไหม้แต่บูรณะกลับมาใหม่ และเคยเป็นสถานที่จัดงานนิทรรศการศิลปะ Shanghai Bienale ด้วยน้า ใครมากับเพื่อนที่ชอบถ่ายรูป อยากโชว์สเต็ปสายแฟแนะนำให้มาช่วงเช้า หรือรอแสงเย็นจะได้แสงเงาสวยแบบพอดิบพอดี
.
North Bund Green Land
ก่อนไปแวะเที่ยวชมความสวยงามของ The Bund ในยามค่ำคืน มีอีกหนึ่งที่ที่เราอยากชวนแวะมาเดินเล่นกันก่อน เพราะอยู่ย่านใกล้กัน แต่มู้ดต่างกันแบบสุด ๆ! ที่ ‘North Bund Green Land’ สวนสาธารณะริมแม่น้ำบนฝั่งฮงโค่ว ที่ไม่คนไม่เยอะเท่าฝั่ง The Bund แต่เห็นมุม Pudong Skyline แบบปัง ๆ แถมเงียบสงบฟีลดี เพราะเต็มไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติสบายตา คนมานั่งปิกนิก ปูผ้าอ่านหนังสือคอนทราสกับเมืองฝั่งตรงข้ามแบบสุด ๆ

ไฮไลต์คือโดมสีเงินสะท้อนท้องฟ้า Installation Art กึ่ง Interactive ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ลักษณะกลม ๆ สะท้อนตึก Oriental Pearl Tower และบรรยากาศสวนสวยไว้อย่างชัดเจน ถ้ามาช่วงเช้า ๆ หรือเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินถ่ายรูปออกมาสวย

ยังไม่หมดกับมุมถ่ายรูปปัง ๆ เพราะที่นี่ยังมีทางเดินสุดคิ้วววต์ ที่พาเราเดินขึ้นฟ้าไปชมวิวสวนและแม่น้ำมุมสูง ชอบที่เค้าเอาที่นั่งลวดลายก้อนเมฆมาวางไล่ระดับก่อนขึ้นไปด้านบน สีสันน่ารักฟังก์ชันเฟรนด์ลี่ ทำให้ที่นี่เป็นพิกัดพักสายตาชิล ๆ อีกมู้ดนึงที่ไม่ควรพลาดเลย

..
The Bund
เดินต่อมายัง ‘The Bund’ อีกหนึ่งโลเคชั่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ที่ใครไม่มาเยือนก็เหมือนมาไม่ถึงเซี่ยงไฮ้ ภาษาจีนจะเรียกว่า ‘Waitan’ ตั้งอยู่แถวบริเวณริมแม่น้ำหวงผู่ ตรงนี้เรียกว่าเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่พัฒนาเป็นสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำยาวกว่า 2 กิโลเมตร ให้เดินทอดน่องชมวิวสวย ๆ ของเซี่ยงไฮ้ได้แบบเพลิน ๆ


แนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ เป็นต้นไป เพราะจังหวะที่แสงพระอาทิตย์กำลังตกดินยิ่งทำให้บรรยากาศของเมืองนี้โรแมนติกขึ้นเป็นพิเศษ


หากมองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเห็นวิวของบรรดาตึกสกายไลน์เซี่ยงไฮ้ ภาพซิกเนเจอร์ที่เรามักจะผ่านตาบนโปสการ์ดหรือโฆษณาของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งตึกย่านนี้จะเป็นสไตล์ Eclecticism ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ตั้งของสถาบันการเงินและธุรกิจใหญ่ ๆ ระดับโลก เราว่านี่คือเสน่ห์ของประเทศจีน โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ๆ ที่ผสมกลมกลืนความคลาสสิกและความทันสมัยได้เป็นอย่างดีเลย

.
Nanjing Road
ชมวิวกันให้หนำใจ เพราะย่านนี้ครบทั้งวิวสวย ๆ มุมถ่ายรูปสุดอลังการ แล้วยังต่อใกล้กับ ‘Nanjing Road’ ไม่กี่ก้าวที่เต็มไปด้วยพิกัดชอปปิง กินของอร่อยแบบจุก ๆ และแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัย รวมถึงแบรนด์จีนน่าซื้อ อย่าง Miniso ช็อปใหญ่ก็อยู่ที่นี่ สินค้าบางอย่างยังไม่เข้าไทยก็ตามมาชอปก่อนใครได้ที่นี่

แต่เกือบทุกร้านไม่รับบัตรเครดิตต่างชาติ รับเฉพาะเงินสด / Alipay / Unionpay เท่านั้น ส่วน Visa Master Card หรือ JCB และ American Expess เอาเก็บไว้ที่บ้านได้เลย เพราะใช้ไม่ได้ และแน่นอนเราขอแนะนำให้มาชอปปิงที่นี่เป็นพิกัดสุดท้ายของวัน เพราะมันไม่ร้อน และชอปได้ยาวจนถึงดึกไ้ด้เลย
.
Yuxing Ji Crab Roe Noodles (Nanjing Rd.)
มาถึงถนน Nanjing Rd. ร้านอร่อยที่เราอยากชวนแวะเติมพลังหลังชอปปิงคือ ‘Yuxing Ji Crab Roe Noodles’ บะหมี่มันปูเจ้าดังของเซี่ยงไฮ้ ของดีของเด็ดที่เจ้าถิ่นเขาคอนเฟิร์มว่าอร่อยจริงแบบไม่หลอกดาว

เดินเที่ยวเหนื่อย ๆ แล้วได้อะไรร้อน ๆ มาจิบ มาซดคือฟินมาก บรรยากาศร้านจะออกแนว Local Fast-Casual สั่งง่าย สะอาด และเป็นมิตร

เมนูไฮไลต์ยกให้บะหมี่มันปู เส้นบะหมี่นุ่มหนึบหนับ ราดซอสไข่ปูมาแบบข้น ๆ ใส่ทั้งไข่ปู เนื้อปู หอมกลิ่นทะเลเบา ๆ และบางเมนูเค้ามีให้เลือกเป็นกุ้งสับเพิ่มรสสัมผัสอีกต่างหาก คลุกให้เข้ากันกินกับซุป ตัดเลี่ยนด้วยชาอุ่น ๆ อร่อยเลย ถ้าสั่งแบบชุด Combo เค้าจะมีเสี่ยวหลงเปา และเครื่องเคียงให้ด้วย ถ้ามาหลายคนกินคุ้ม ร้านนี้ควรมีในลิสต์ร้านเด็ดเวลามาเที่ยวเซี่ยงไฮ้
.
Puyuan Fashion Ancient Town
เที่ยว Day 2 อยากชวนออกนอกเมืองไปไกลหน่อย แต่รับรองว่าถูกใจสายแฟชั่น ที่อยากตามเทรนด์โต่วอินสไตล์ มาสัมผัสบรรยากาศจีนคลาสสิกที่ผสมผสานความแฟชั่นแบบปัง ๆ ไว้ด้วยกันที่ ‘Puyuan Fashion Ancient Town’ ตั้งอยู่ที่เมืองเจียซิง ที่นี่คือเมืองโบราณริมคลองอายุกว่าพันปีที่มีอยู่จริง แต่อัพเกรดเป็นแหล่งแฟชั่นฮิปที่เพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง ยังคงสถาปัตยกรรมยุคหมิง–ชิงไว้ครบ ทั้งอาคารไม้ สะพานหิน และตรอกเล็ก ๆ ที่เดินไปทางไหนก็เหมือนหลุดเข้าไปในซีรีส์ย้อนยุคที่เราชอบดู


และที่ไม่ธรรมดา! เค้าผสมผสานบรรยากาศเก่าจริง (บางจุดอาจจะรีโนเวทเข้าไปเพื่อเพิ่มฟีลลิ่ง) เข้ากับกลิ่นอายความแฟชั่นได้อย่างลงตัว! มุมถ่ายรูปปัง ๆ เยอะมาก ฟีลเดินเข้าไปในเขาวงกตแห่งพระราชวังต้องห้าม ชนิดที่เปิดแผนที่เดิมตามยังแอบมีงง เพราะทุกจุดมันสวยอลังการ เราก็จะหลงเดินไปซอยนั้น เข้าไปวังทางนี้แบบไม่ทันรู้ตัว
ยิ่งถ้ามากับเพื่อนที่ชอบถ่ายรูปคือบันเทิงเปิดเปิง เพราะเค้ามีบริการให้เช่าชุดจีนสวย ๆ อย่างฮั่นฝูหรือกี่เพ้า แล้วเดินถ่ายรูปในฉากเมืองโบราณได้แบบฟิน ๆ พร้อมเอฟเฟ็คดรายไอซ์ ประหนึ่งปล่อยออกมาต้อนรับซีนเจ้าขุนมูลนาย และท่านอ๋องสุดๆ!

ไฮไลต์ที่นี่จะมีหลายจุด ขอยกจุดเด่น ๆ ที่หาเจอง่ายและสะดุดตา อย่างมุมสะพานเล็ก ๆ ที่มองออกไปเห็นบ้านสไตล์จีนเก่าแก่โบราณ จังหวะดีก็จะมีเรือพายสไตล์โบราณ ปล่อยคิวมาเติมความอินให้กับเรา มุมนี้เป็นมุมสะพานที่สวยโดดเด่นสะท้อนผืนน้ำ ให้เราเดินข้ามไปโพสต์ท่าเท่ ๆ หยิบกระเป๋าออกมาเป็นพร้อบถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้อีกหนึ่งช็อต

เดินเข้าไปด้านในจะมีคาเฟ่ไม้ ๆ ชิล ๆ ให้นั่งพักจิบกาแฟ บรรยากาศดีน่ารักเลย ตัวร้านเป็นกระจกใสรับแสงอุ่น ๆ โชว์เบเกอรีหอม ๆ อบสดใหม่เอาไว้ให้แวะเติมพลัง
ที่นี่เค้ายังจัดงาน Puyuan Fashion Week แบบจริงจังทุกปี มีทั้งแฟชั่นโชว์กลางแจ้ง มาร์เก็ตงานคราฟต์ และเวิร์กช็อปแบบจัดเต็ม เหมาะมากสำหรับสายถ่ายรูป สายคอนเทนต์ และคนที่อินกับความจีนแบบโมเดิร์น
วันปกติก็กิจกรรมเยอะ ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือในคลอง กิจกรรมชงชา สาธิตงานหัตถกรรม ตลาดกลางคืน และไฟประดับยามค่ำคืน เรียกได้ว่ามาเที่ยวได้ตั้งแต่สายยันค่ำ ซื้อตั๋วได้ที่ด้านหน้า หรือซื้อจาก Trip.com ก็ได้นะ

วิธีการเดินทาง
นั่งรถไฟความเร็วสูงที่ Shanghai Hongqiao Railway Station – ลงสถานี Jiaxing ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานประมาณ 30 นาที แล้วนั่งแท็กซี่หรือ DiDi (40 นาที) ต่อเข้ามาที่นี่จะสะดวกที่สุด
ค่าเข้า 120 หยวน
.
Chen Wang Miao Old Market
กลับเข้ามาในเมือง ชวนมาแวะกินของอร่อยแบบสตรีทฟู้ดเซี่ยงไฮ้กันให้หนำใจที่ ‘Chen Wang Miao Old Market’ ลองจินตนาการว่าเดินเข้าไปในย่านเมืองเก่ากลางเซี่ยงไฮ้ แล้วถูกโอบล้อมด้วยตึกไม้โบราณสไตล์จีนยุคหมิง–ชิง โคมไฟสีแดงแขวนเรียงราย เสียงคนขายของตะโกนเรียกลูกค้าผ่านกลิ่นขนมโบราณหอมกรุ่น นี่แหละคือฟีลของการเดินเล่นใน Chen Wang Miao Old Market จะให้บรรยากาศโลคอลหน่อย มีทั้งร้านขายผ้า เครื่องราง ชาโบราณ ขนมพื้นบ้านแบบแท้ ๆ

หมดห่วงเรื่องหาของกิน อิ่มเต็มท้องเพราะของกินเยอะมากกจนเลือกไม่ถูก ถ้าอยากชิมหลาย ๆ อย่างแนะนำแวะต้องซอยเล็ก ๆ ที่รวมสตรีทฟู้ดหลาย ๆ ร้าน และที่นั่งทานเอาไว้เสร็จสรรพ มีทั้งบาร์บีคิว ปิ้งย่างหม่าล่าไม้ใหญ่ มีให้เลือกทั้งหมู ไก่ แกะ ปลาหมึก โรยพริกสูตรของเค้าแบบกรุบกริบ อือหืออร่อยจนต้องขอเบิ้ล ที่ขาดไม่ได้คือเสี่ยวหลงเปาแบบ to go 555555 เสี่ยวหลงเปาชิ้นใหญ่เบ้อเริ่ม อุ่นน้ำซุบร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมหลอดดูดกันไปเลย


.
Yuyuan Old Street
แต่ถ้าเดินต่อเข้ามาอีกนิด เรียกว่าแทบจะติดกัน ถ้าเจอคนแต่งฮั่นฟู่เดินผ่าน ร้านชงชาตกแต่งหวานฟรุ้งฟริ้ง แล้วได้กลิ่นหอมของซาลาเปาปูแบบลอยมาแต่ไกล นั่นแปลว่าเธอเข้ามาถึง ‘Yuyuan Old Street’ แล้ว


ย่านนี้ชัดเลยว่าถูกใจนักท่องเที่ยวแน่นอน โดยเฉพาะตึกไม้จั่วสูงคลาสสิก ร้านของฝากเรียงเป็นสิบ บางจุดตกแต่งอลังการเหมือนฉากหนังจีน เหมาะกับสายถ่ายรูปลงไอจีสุด ๆ ยิ่งมาตอนกลางคืนแสงไฟจากโคมแดงสะท้อนกับอาคารไม้เก่า คือมู้ดดีมากกกก!
.
Shanghai Central Europe Street (上海中欧街)
ไปที่ป๊อป ๆ ฮิต ๆ กันมาเยอะแล้ว Day 3 เราขอพาไปตามหามุมถ่ายรูปไม่เหมือนใคร ที่แรก ‘Shanghai Central Europe Street’ ที่ยกเอาความคลาสสิกจาก Bund มาไว้ฝั่ง Pudong นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Luheng Road ไม่เมตร จะเจอตึกสไตล์โคโลเนียลใหญ่อลังการ ราวกับเดินหลุดเข้าไปอยู่ในยุโรปเก่า–กลาง ที่เคยเป็นร้านค้าและร้านเครื่องประดับ ที่คิดว่าน่าจะฮอตฮิตมาก่อนได้ฟีลฝรั่งเศสแบบไม่ต้องบินไกล
ที่หลากหลายตั้งแต่หน้าตึกสไตล์โคโลเนียล และมุมด้านในที่สองฝั่งโอบล้อมด้วยกระจกโมเสก ประตูหน้าต่างทรงโค้งล้อไปกับสถาปัตยกรรม เดินไปอีกนิดจะเจอโดมโค้งขนาดใหญ่ และรูปปั้นทองอร่ามด้านหน้า ถ่ายรูปออกมาปังมาก เป็นหนึ่งในจุดถ่าย Pre‑Wedding ยอดฮิตของคนท้องถิ่นเลยก็ว่าได้
.
Shanghai Himalayas Art Museum
ใครที่ชื่นชอบตึกสวย ๆ ล้ำ มาเซี่ยงไฮ้คือถูกต้อง เพราะดีไซน์แต่ละตึกเหมือนแข่งกันงัดความล้ำ ความแปลก แหวกแนวแห่งยุคมาสู้กัน สำหรับ ‘Shanghai Himalayas Art Museum’ ออกแบบโดย Arata Isozaki ศิลปินชื่อดังระดับโลก ผู้หยิบรูปแบบธรรมชาติมาผสานกับฟังก์ชันอย่างแนบเนียน


อาคารด้านนอกมีผิวคล้ายก้อนหินขรุขระ สีเทาอมน้ำตาล ทรงเหมือนจังหวะพริ้วไหวของหน้าผาหรือถ้ำยังไงยังงั้น ที่นี่เคยเป็นที่นิยมถึงขนาดจัดนิทรรศการระดับนานาชาติมาก่อน บรรยากาศข้างในเป็นโถงสูงใหญ่ โปร่งโล่ง มีเสาหินแผ่กิ่งก้านคล้ายร่มขนาดยักษ์ และมีช่องแสงมาให้เราถ่ายรูปสวย ๆ หลายมุม
.
Huaihai Road
ก่อนกลับอยากชวนมาชอปปิงต่อ ถ้ามาเซี่ยงไฮ้แล้วอยากได้ฟีลเดินเล่นบนถนนที่มีทั้งแบรนด์ดัง มัลติแบรนด์ คาเฟ่เก๋ และช็อปเสื้อผ้าที่เปิดเหมือนแกลเลอรีเดินได้ทั้งวัน ‘Huaihai Road’ คือคำตอบ! ที่นี่มีเสน่ห์แบบปารีสปนโตเกียว เพราะตึกสไตล์ยุโรปเรียงตัวเรียบร้อย แต่ข้างในแอบซ่อนความเปรี้ยวของร้านฮิปไว้เพียบ เดินเล่นริมถนนคือได้มู้ดดีเกินเบอร์ แถมตึกสวยที่เดินผ่านยังไงก็ต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย

ตลอดถนนเส้นนี้มีร้านหรือแบรนด์ดัง ๆ มาเปิดกันเพียบ หนึ่งในร้านเท่ ๆ ที่พลาดไม่ได้อย่าง Haus Nowhere ที่รวมแบรนด์ดัง เช่น Gentle Monster สาขาใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ Tamburin ฯลฯ อีกมากมายเอาไว้ เหมือนเป็น Art Space ที่คนแต่งตัวเท่ ๆ ชิค ๆ มารวมตัวกัน เรียกว่าเข้าไปแค่ถ่ายรูปก็ยังคุ้ม! แถมชั้นล่างยังมีร้านครัวซองต์อร่อย ๆ ที่แต่งร้านใช้คำว่าเริศเปลืองมาก เพราะดีไซน์ครัวซองต์ยักษ์เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกาย เช่น ที่ยกน้ำหนัก ลู่วิ่ง น่ารักครีเอตมาก 5555555

สายสตรีทแฟชั่นต้องแวะ HUMAN MADE ร้านเท่ที่ดีไซน์คุมโทนสุด ๆ เสื้อผ้าบางชิ้นลิมิเต็ด และเท่าที่ดูของเยอะกว่าประเทศอื่น (ที่เคยไปเดิน) แต่ก็หมดเยอะเหมือนกัน 5555 เพราะมีสาขาเดียวในเซี่ยงไฮ้เยอะ สุดท้ายห้ามพลาด MASONPRINCE ร้านที่รวมเสื้อผ้าอาร์ต ๆ สวย ๆ เอาไว้ เดินเล่นในร้านคือเหมือนได้ Inspiration ใหม่ ๆ ทั้งวัน ทั้งโซนนี้เลยเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปสายอาร์ตที่ไม่ซ้ำใครเลย

.
ขากลับเราเลือกนั่ง Economy Class ที่ก็นั่งสบายไม่แพ้กัน ที่นั่งกว้างไม่เบียดคนข้าง ๆ เดินเที่ยวเหนื่อยแค่ไหน ขากลับขึ้นเครื่องมาก็หลับสบาย แต่ถ้าใครยังสู้ก็กดจอเปิดเพลงฟัง ดูหนังเพลิน ๆ ยาวไป เพราะเค้ามีลิสต์หนังใหม่ ๆ อัพเดตมาให้ดูเพียบ

แถมได้กลิ่นหอม ๆ เตะจมูกของอาหารบนเครื่องมาเสิร์ฟถึงที่ เมนูไฮไลต์บนเครื่องช่วงนี้ต้องยกให้ Streets to Sky ที่รวมของอร่อยจากร้านสตรีทฟู้ดเจ้าเด็ดทั่วไทยมาเสิร์ฟให้กินฟิน ๆ ถึงบนเครื่อง

บางเมืองไม่ใช่แค่ ‘ไปเที่ยวแล้วชอบ’ แต่คือ ‘ไปแล้วอยากกลับไปอีกซ้ำ ๆ’ เซี่ยงไฮ้คือหนึ่งในนั้นที่อยากชวนทุกคนมาเที่ยวกันสักครั้ง ตั้งแต่ตึกสูงระฟ้าที่ทำสถิติระดับโลกมาครองจนถึงตึกอิฐแดงสุดคลาสสิก เสี่ยวหลงเปาลูกยักษ์ในตำนาน ถึงบะหมี่มันปูรางวัลมิชลินไกด์ ทุกมุมของเมืองนี้มีที่คอนทราสแต่ผสมผสานกันได้อย่างงดงามลงตัว แถมชอปปิงก็เพลินมากกก มุมถ่ายรูปก็จึ้ง ไม่มีจังหวะไหนเบื่อเลยสักวัน

เที่ยวจีนฟรีวีซ่า! ใครยังไม่ได้ไปเยือน ‘เซี่ยงไฮ้’ ถือว่าพลาดมาก! และที่ทำให้ทริปนี้สมบูรณ์แบบขึ้นอีก คือบริการ Full Service จากการบินไทย ชั้น Business Class ที่นั่งสบายหลับยาว ทานอาหารอร่อยบนเครื่องแบบจัดเต็ม แล้วยังได้ Sirivannavari Amenity Kit สวยหรูจากแบรนด์ดังไว้ใช้งานต่อ เป็นของที่ระลึกจากการเดินทางที่เก็บไว้แล้วนึกถึงโมเมนต์ดี ๆ ได้ทุกครั้ง จบทริปนี้พร้อมกระเป๋าที่หนักแน่นไปด้วยความทรงจำ และของฝากเยอะมาก อย่าลืมพิเศษเฉพาะ 4 เส้นทางแฟชั่น มิลาน / ปารีส / โตเกียว / เซี่ยงไฮ้ เท่านั้นน้าา 💜 ✈️ 🇨🇳