Now Reading:

‘Ayutthaya-Bangkok’ Beyond the Limit of Travel Experiences

‘Ayutthaya-Bangkok’ Beyond the Limit of Travel Experiences

เที่ยวไทยส่งท้ายปีหลังจาก Stay Home ช่วงครึ่งปีกันมาจนเฉา ทริปนี้อยากปรนเปรอตัวเองด้วยทริปถ่ายรูปสวยๆ พักผ่อนสบายๆ  แบบหรูหราให้ลืมความเหนื่อยจากงาน ความเครียดจากสิ่งแวดล้อมและอะไรหลายๆ อย่าง ขอออกไป Recharge แบบไม่เหนื่อย ไม่เพลีย เน้นมุมสวย และชุดแน่นๆ  พร้อมมีเวลานั่งเมาท์อัพเดตชีวิตกันตลอดการเดินทางแบบสะดวกสบาย               

เราเลือกไปเที่ยวกรุงเทพ-อยุธยา ทริปใกล้แต่เดินทางแบบสุด Exclusive ทานกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ เที่ยววัดวาที่แสนอลังการ จิบน้ำชายามบ่ายในโรงแรมที่ดีที่สุดในประเทศไทย และดูวิวพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้าโดยมีวิววัดอรุณฯ เป็นส่วนประกอบที่ลงตัว นี่คือทริปอัพเดตชีวิตที่แสนผ่อนคลายและสามารถตามรอยได้ง่ายๆ เพียง 2 วัน 1 คืน เท่านั้น

DAY 1 Start your holidays with Mini Coach Mercedes-Benz Sprinter

การเดินทางทริป กรุงเทพ – อยุธยา ครั้งนี้เราเลือกใช้บริการ รถ Mini Coach Mercedes-Benz Sprinterพร้อมคนขับ ของ True Leasing โดย True Leasing นับว่าเป็นเจ้าเดียวในไทยที่ให้เช่ารถรุ่นนี้ ตัวรถบอกได้คำเดียวว่า กว้างขวางมาก เหมาะกับทริปเดินทางแบบส่วนตัวสุดๆ แถมมีให้เลือกแบบ 10 ที่นั่ง ที่เราใช้อยู่นี้ และยังมีแบบ 13 และ 15 ที่นั่งให้เลือกอีกด้วย ตัวรถมาพร้อมกับความหรูหราและสะดวกสบาย เบาะนั่งหนังแท้สามารถปรับเอนได้ ยืดเหยียดเท้าได้เต็มที่ โดยบนรถเราสามารถที่จะนั่งแต่งหน้า เติมลิปได้สบาย หรือจะนั่งทำงานก็ได้เนื่องจากตัวรถอย่างที่บอกไปมันกว้างมาก เราสามารถเสียบสายชาร์ตและเอาโน้ตบุ๊คออกมาวางเพื่อมาทำงาน ได้อย่างสบาย

วัดนิเวศธรรมประวัติ

เราออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงจุดแรกที่อยากมากันมากนั่นคือ วัดนิเวศธรรมประวัติ วัดไทยเก่าแก่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแห่งเดียวในประเทศไทย มีลักษณะคล้ายโบสถ์ในศาสนาคริสต์ด้วยสไตล์โกธิค โดยตัวอุโบสถมีความแปลกผิดจากอุโบสถทั่วไป เนื่องจากตัวอุโบสถมีการออกแบบผสมผสานศิลปะแบบประเพณีนิยม และศิลปะแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน

เราแนะนำให้ไปตั้งแต่เช้าช่วงที่คนยังไม่เยอะมาก และข้างในอุโบสถบอกเลยว่าสวยกว่าที่คิดไว้ จากการที่ตัวอุโบสถได้รับแรงบันดาลใจจากโบสถ์คริสต์ทำให้ตัวอุโบสถมีความสวยแปลกตากว่าวัดที่อื่น หลังกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อย แนะนำให้เดินเล่น รับแดดยามเช้าและ ไป ถ่ายรูปบริเวณวัด บอกเลยมุมถ่ายรูปเพียบ หรือถ้าเดินในวัดเบื่อแล้ว ตัววัดยังมี กระเช้าไฟฟ้าลอยน้ำให้ข้ามแม่น้ำไปชมพระราชวังบางปะอิน ได้อีกด้วย โดยตัวกระเช้าและตัวศาลามีที่นั่งสีแดงเข้มผสมสีขาวที่ออกแบบมาแบบไทยโบราณคลาสสิก ด้วยลวดลายที่สวยงาม มาเดินกรุยกรายยามเช้าบอกเลยว่าต้องประทับใจ!

วัดไชยวัฒนาราม

จากวัดนิเวศธรรมประวัติ เราใช้เวลาไม่เกิน 25 นาทีเข้ามาลึกขึ้นในตัวเมืองอยุธยา เพื่อมาเที่ยวและถ่ายรูปกันแบบปังๆ ที่อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของไทย ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองสร้างเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา สถาปัตยกรรมการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นในอยุธยา บางส่วนจำลองมาจากปราสาทนครวัด ตัววัดค่อนข้างอยู่ในที่กลางแจ้งซะเยอะ เพราะฉะนั้นก่อนไปชมอย่าลืมทาครีมกันแดดแน่นๆ ใส่หมวกก่อนเที่ยวนะทุกคน

วัดมหาธาตุ

ไม่โกหกเลยว่าเราพึ่งเคยมาวัดนี้เป็นครั้งแรก! ไม่ว่าจะเคยเห็นในโฆษณาหรือหนังสือท่องเที่ยวมาตั้งแต่เด็ดๆ แต่นี่คือครั้งแรกจริงๆ กับวัดมหาธาตุ ตื่นเต้นนิดนึงกับวัดเก่าแก่สุดฮิต ที่ทุกคนที่มาอยุธยาต้องแวะแต่เรากลับคลาดตลอด กับไฮไลท์ที่สวยงามอย่างเศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีที่ถูกโอบล้อมด้วยรากโพธิ์ข้างวิหาร  บรรยากาศภายในวัดนี้ร่มรื่นกว่าในวัดไชยวัฒนารามมากๆ และได้รับการทำนุบำรุงแบบขั้นสุดมีเจ้าหน้าที่นั่งประจำจุดต่างๆ คอยให้เราถามรายละเอียดได้ตลอด

อย่างที่บอกว่าตัววัดนี้บริเวณเศียรพระพุทธรูปค่อนข้างที่จะร่มรื่นเนื่องจากมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะ พอเดินชมวิวเหนื่อยๆ ก็สามารถมานั่งพักหลัง หากพักเสร็จแล้วยังมีแรงก็สามารถไปเดินเล่นต่อที่สวนสาธารณะพระรามข้างๆ วัดต่อได้นะ

ทานมื้อเย็นที่ศาลาอยุธยา

หลังไปอิ่มบุญช่วงเช้าแล้ว ช่วงเย็นขอไปอิ่มท้องต่อที่ร้านอาหารของโรงแรมศาลายาอยุธยา ทางเข้าของที่นี่บอกเลยว่า ปัง! มุมฮิตของเหล่าอินสตาแกรมเมอร์ ที่นึกว่าเป็นทางเข้าของอาร์ตแกลลอรี่หรือประตูเมืองเก่าที่ไหนสักแห่ง โดยตัวโรงแรมถูกออกแบบให้เป็นสไตล์โมเดิร์น ผสมกับความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น สังเกตจากกำแพงที่ใช้อิฐแดง ซึ่งล้อกับวัสดุของเมืองเก่าอยุธยา บอกเลยว่าพอตัวกำแพงตกกระทบกับแสงแล้วเห็นเงาพาดมาแบบงามๆ อยากจะกรี๊ดแล้วไปถ่ายรูปซักช็อต

โดยตัวโรงแรมนี้เนื่องจากสถานที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้เราสามารถมองวิวแม่น้ำและ ดื่มด่ำไปกับความงามของวัดพุทไธศวรรย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไปพร้อมกันได้ แนะนำว่าให้มาทานช่วงหลังบ่าย 3 เป็นต้นไปแล้วนั่งโซน Open Air นะ จะได้ไม่ร้อนจนเกินไป

อาหารอร่อยแถมได้สัมผัสบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยาขนาดนี้ก็คุ้มนะ ที่นี่เน้นอาหารไทยเป็นหลัก ขอแนะนำให้สั่งเมนู กุ้งแม่น้ำเผา ยำส้มโอกุ้งย่างและ กระทงทองลาบหมู ซึ่งบอกเลยว่าเด็ด อีกทั้งยังจัดจานสวยไม่รู้จะถ่ายหรือชิมก่อนเลยนะเนี่ย

Day 2 with Hacker-Craft Boat

หลังจากไหว้พระทำบุญทานของอร่อยกันไปเมื่อวานแล้ววันนี้ขอเที่ยวแบบชิวกว่าเดิม 5555 เป็นไม่กี่ทริปที่เรายอมตื่นแต่เช้าตรู่เพราะการได้ Experience อะไรใหม่ๆ ทำให้เราตื่นตาตื่นใจได้เสมอ วันนี้เราเลือกเช่าเรือ Hacker-Craft ของ True Leasing เรือคลาสสิคสุดหรูที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกาและฮิตมากในการล่องทะเลสาบในต่างประเทศ สำหรับเราเห็นเรือนี้ครั้งแรกสมัยไปเที่ยวที่ Lake Como, Italy เป็นเรือของฝรั่งไฮโซหุ่นแซ่บใช้ออกมาเที่ยวกันในช่วงซัมเมอร์ โดย True Leasing  เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยและเอเชียที่นำเรือนี้เข้ามาให้เราสัมผัสกันได้ในราคาที่เป็นกันเองและเข้าถึง

ดีเทลของเรือ Hacker-Craft บอกเลยว่าละเอียดมาก เพราะเป็นเรือคลาสสิค สร้างจากไม้มะฮอกกานีทั้งลำ เนื้อไม้มีความสวยงาม ตกแต่งด้วยเบาะหนังแท้ โดยเรือทุกลำได้ถูกสร้างและประกอบเองกับมือจากช่างฝีมือผู้ชำนาญด้วยความประณีตและพิถีพิถัน จึงแฝงไปด้วยความมีเอกลักษณ์และเรื่องราวในทุกรายละเอียด จนต่างกล่าวขานว่า “นี่ไม่ใช่แค่เรือ  หากแต่เป็นงานศิลปะที่ลอยอยู่บนผืนน้ำ”จนได้มาซึ่งเรือที่ทั้งสวยหรูและมีระดับ

การนั่งเรือเล่นครั้งนี้นอกจากจะฟินไปกับตัวเรือแล้ว ขอบอกเลยว่าวิวแม่น้ำเจ้าพระยาของที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน เราอาจจะคุ้นชินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่กรุงเทพ แต่ที่นี่เราจะเห็นมุมที่แตกต่างออกไป ทั้งวัดวา วิถีชีวิต ที่พาเราย้อนอดีตและจินตนาการถึงความรุ่งเรืองในสมัยก่อนได้มากกว่าเดิม แถมยังได้เห็นมุมกว้างของวัดไชยวัฒนารามและ วัดพุทไธศวรรย์ รวมถึงพระตำหนักสิริยาลัย ของพระบรมราชชนนี พระพันปีหลวงอยู่ไกลๆ ด้วย

สำหรับใครที่อยากล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยาในหลายๆ มุมได้เห็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา True Leasing ก็ยังมีบริการล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดินที่กรุงเทพฯ เหมือนที่เรากำลังจะไปกันต่อเย็นนี้ หรือเที่ยวชมวิวได้ทั้งเกาะเกร็ด นนทบุรี ปทุมธานี และบางกระเจ้าด้วยนะ   

Back to Bangkok

ช่วงบ่ายหลังจากเอ็นจอยกับวิวริมน้ำที่อยุธยาแล้วเราก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพกัน บอกเลยว่ายังประทับใจกับความกว้างขวางของรถ Mini Coach Mercedes-Benz Sprinter ด้วยความที่ตัวรถกว้างมาก อีกทั้งยังมี mini-coffee bar และตู้แช่เครื่องดื่ม ทำให้เราได้ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หลังจากกลับขึ้นมาจากสถานที่ต่างๆ และสามารถนั่งชงกาแฟ Nespresso ดื่มได้อย่างสบาย ความสะดวกสบายนี้ผสมกับคนขับรถของ True Leasing ที่ใส่ใจ และได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ทั้งใส่สูทสวมหน้ากากอย่างปลอดภัย ทำให้การเดินทางกลับจากอยุธยาไปกรุงเทพใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง เหมือนนั่งแค่งีบเดียวเท่านั้น แถมระหว่างเดินทางเราสามารถนั่งพักผ่อนรอหรือเปลี่ยนชุดเตรียมอีเว้นท์ตอนบ่ายต่อก็ยังได้ เนื่องจากอย่างที่บอกไป รถกว้างมาก เอ้อ! นอกจากนี้ถ้าใครมีแพลนเที่ยวเหนือหรือลงใต้ก็ยังสามารถเลือกเริ่มเดินทางได้จากภูเก็ต หรือเชียงใหม่อีกด้วยนะ และตัวรถก็ได้มาตรฐานความปลอดภัย เพราะติดตั้งอุปกรณ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้สบายใจได้ยิ่งขึ้นและ True Leasing ยังมีประกันภัยชั้น 1 ให้ทุกที่นั่ง อีกด้วย

The Authors’ Lounge

หลังเดินทางกลับมากรุงเทพฯ เปลี่ยนชุดให้ดูเข้ากับสถานที่ซักนิดแล้วแวะมาจิบชายามบ่ายพร้อมนั่งคุยสบายๆกันที่ The Authors’ Lounge โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ที่นี่ตั้งอยู่ภายในอาคารประวัติศาสตร์ “ออเธอร์สวิง” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2430 ตกแต่งตามสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคอันโดดเด่นสวยงามโครงสร้างได้รับการอนุรักษ์ให้คงรูปแบบแบบดั้งเดิมทำให้สถานที่นี้มีมนต์ขลังและน่าดึงดูด

The Authors’ Loungeถือเป็นจุดนัดพบที่มีตำนานเล่าขานจากอดีตจนถึงปัจจุบันโด่งดังด้านบริการชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea set) ท่ามกลางเสน่ห์คลาสสิคอันน่าหลงใหลของศิลปะสไตล์โคโลเนียลลักษณะการตกแต่งผนังห้องโทนสีขาวเน้นวัสดุไม้มีลวดลายฉลุอย่างเป็นเอกลักษณ์สวยงามพร้อมเก้าอี้หวายย้อนยุคลายใบไม้ห้อมล้อมด้วยต้นไผ่สีเขียวบริเวณหลังคาออกแบบเป็นเรือนกระจกให้แลดูโปร่งโล่งรับแสงธรรมชาติตกแต่งด้วยรูปภาพของบุคคลสำคัญในอดีตให้ความรู้สึกเสมือนย้อนสู่ยุคอดีตกาล

afternoon tea set ของที่นี่บอกเลยว่าประทับใจมาก โดยตัวของหวานเราขอแนะนำสโคนอุ่นๆทานคู่กับคล๊อตเต็ดครีม ชีสมาสคาร์โปน หรือ เนย และ โฮมเมดแยมสูตรเฉพาะของ The Authors’ Lounge ตัวสโคนเนื้อเนียนนุ่มกำลังดีทานคู่กับชาดำหอมกลิ่นมะลิและส้มแมนดารินพูดได้คำเดียวฟิ๊นฟิน

Sunset with Hacker-Craft Boat

หลังทานเสร็จเราขอปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไปล่องเรือ Hacker-Craft ชมวิวพระอาทิตย์ตกแบบฟินลืมที่แม่น้ำเจ้าพระยาในแพ็กเกจ sunset cruise ของ True Leasing  ซึ่งข้อดีของการล่องเรือเวลานี้ก็คือไม่ร้อนเราสามารถนั่งเรือ รับแดดอุ่นๆ ลมเย็นๆ พัดผ่านหน้าได้อย่างสบายใจ การนั่งเรือชมวิวบนแม่น้ำเจ้าพระยาชมทำให้เราสามารถเห็นมุมกว้างๆ ของสถานที่แลนด์มาร์คต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น ไอคอนสยาม วัดอรุณฯ หรือสะพานพระราม 8

ล่องเรือเวลานี้สำหรับเราคือ Magic hour ที่ดีที่สุด แสงอาทิตย์สะท้อนผิวน้ำ เปิดขวดแชมเปญ พูดคุยกับเพื่อน นั่งดูวิวแม่น้ำชมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับตาทำให้ช่วงเวลาสั้นๆ นี้แสนจะพิเศษ คือไม่คิดว่าล่องเรือในกรุงเทพฯ จะหรูหรา เหมือนไปล่องเรือในยุโรปยังไงยังงั้น อย่าลืมเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆ เอาไว้ชนแก้วกับเพื่อนช่วงพระอาทิตย์ตกดินกันด้วยนะคะ

ทริปนี้เป็นทริปง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวกันนานๆ แต่ได้ Experiences อะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งการเดินทางด้วยรถ Mini Coach Mercedes-Benz Sprinter ที่สะดวกสบายและกว้างขวาง รวมไปถึงการล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย Hacker-Craft Boat ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ทริปนี้เลยทำให้เรารู้สึกเป็นคนพิเศษจริงๆ ตลอดการเดินทางด้วยราคาที่สมเหตุสมผล สำหรับเราทริปนี้เป็นทริปที่ดีมากๆ และทรงคุณค่าจริงๆ อีกทริปนึงในปีนี้เลย

‘Ayutthaya-Bangkok’ Beyond the Limit of Travel Experiences

Booking.com
Input your search keywords and press Enter.